ตอนที่ 5 ข้ากินไม่อิ่ม

นางมองแผ่นหลังของเซียวเหรินที่ยุ่งกับการตรวจคนป่วยที่นอนบนแคร่ไม้ไผ่ นางกินอาหารที่ติงชุ่ยยกมาให้ ติงชุ่ยหน้าตาบึ้งตึงพูดอะไรไม่รู้มากมายแล้วหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้นางกินโจ๊กหอมกรุ่น เป็นครั้งแรกที่นางจับช้อนตักอาหารเข้าปากด้วยตนเอง นางเงอะงะอยู่ครู่หนึ่งจึงทำได้โดยไม่หกเลอะเทอะ นางได้กินโจ๊กหอมกรุ่นจนเกลี้ยงชาม แต่เหตุใดนางยังไม่รู้สึกอิ่ม หญิงสาวลูบท้องของตนเบาๆ เมื่อครั้งเป็นนกนางก็กินเพียงเล็กน้อย เคยเฝ้าดูคุณหนูกินอาหารแต่ละมื้อก็กินเพียงเล็กน้อยเช่นกัน แต่เหตุใดนางกินจนเกลี้ยงชามแล้วยังไม่รู้สึกอิ่ม ร่างกายยังอ่อนแรงอยู่ นางจึงยอมขัดคำสั่งของเซียวเหรินที่ให้นางอยู่แต่ในห้อง ถือชามโจ๊กออกมาด้านนอก หญิงงามแม้อยู่ในชุดหญิงชาวบ้านเสื้อผ้าเปื่อยเก่าแต่ไม่อาจปกปิดความงามนั้นไว้ได้ ผมยาวดำขลับเพียงถูกรวบไว้ง่ายๆ ด้วยปิ่นไม้ นางประคองชามโจ๊กที่ว่างเปล่าราวกับขอทานน้อย แววตาตื่นตระหนก ริมฝีปากแดงชาดเม้มแน่นดูน่าสงสารนัก “เจ้าออกมาทำไมกัน” ติงชุ่ยถามพลางเดินไปลากแขนแทบจะปลิวลมของหญิงสาวมาใกล้ นางไม่ยินดีเห็นสตรีอื่นหน้าตาโดดเด่นมาอยู่ใกล้นัก เดิมทีได้ยินท่านเซียวสั่งให้นางอยู่แต่ในห้อง ไม่คิดว่านางกล้าออกมาให้ผู้อื่นเห็นเช่นนี้ “ข้า...ข้ากินไม่อิ่ม” นางพูดตะกุกตะกัก “ขอ...ขอกินอีกได้ไหม” ติงชุ่ยแม้ไม่ชอบหญิงสาวคนนี้ หรือพูดให้ถูกคือไม่ชอบหญิงสาวทุกคนที่อยู่ใกล้เซียวเหริน แต่ท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ทำให้คนใจอ่อน ติงชุ่ยจับข้อมือผอมบางนั้นเดินไปยังครัวเล็กๆ ที่เป็นทั้งครัวและที่ต้มยา หลัววั่งที่กำลังต้มยาอยู่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมติงชุ่ยก็ส่งยิ้มให้ แต่ติงชุ่ยกลับเบ้ปากใส่แล้วพยักพเยิดให้หลัววั่งมองดูในชามเปล่าในมือของนาง “นางกินไม่อิ่ม เจ้าพอมีอะไรให้นางกินอีกหรือไม่” หลัววั่งฉีกยิ้มกว้าง คนหิวกินอาหารได้มากแสดงว่าร่างกายกำลังฟื้นคืนกำลัง เขาเองแม้ไม่ฉลาดนัก แต่จดจำถ้อยคำของท่านเซียวไว้เป็น ความรู้ “โจ๊กหมดแล้ว แต่มีหมั่นโถวอยู่ เจ้ากินรองท้องไปก่อนได้หรือไม่” หญิงสาวรีบพยักหน้าหงึกๆ แววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ หลัววั่งเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่คาดเอวอยู่แล้วเดินไปเปิดซึ้งหยิบหมั่นโถวออกมา เขารับชามเปล่าจากมือนางแล้วยื่นหมั่นโถวให้ “ค่อยๆ กิน มันร้อน” “อือ” ปากเล็กๆ อ้าเป็นวงกลมแล้วเป่าหมั่นโถวขาวอวบในมือ เมื่อมั่นใจว่าไล่ความร้อนออกไปแล้วก็อ้าปากกัดกินคำโต “ค่อยๆ กิน ประเดี๋ยวจะติดคอ” หลัววั่งเตือนแล้วรีบหมุนตัวไปรินน้ำมาเตรียมไว้ให้ดื่ม “ยังมีอีกหลายลูก เจ้าไม่ต้องกลัวจะไม่อิ่ม” “ขอบคุณมาก” นางซาบซึ้งใจยิ่งนัก “พี่สาวกับพี่ชายช่างดีเหลือเกิน” ถ้อยคำเอ่ยตรงไปตรงมาทำให้ติงชุ่ยและหลัววั่งเขินอายขึ้นมา ติงชุ่ยเห็นท่าทางไร้เดียงสาของนางก็อดเอ็นดูไม่ได้ “เจ้าชื่ออะไรนะ” “หลันหลัน” นางตอบทั้งที่หมั่นโถวเต็มปาก ก้อนแป้งขาวติดริมฝีปากสีแดงช่างน่าดูนัก “คุณหนูเรียกข้าว่าหลันหลัน” “อ่อ...” หลัววั่งพยักหน้ารับ “ข้าชื่อหลัววั่งและนี่ติงชุ่ย” “พี่หลัววั่ง พี่ติงชุ่ย” นางเรียกขานพร้อมรอยยิ้ม “หมั่นโถวอร่อยมากหรือ?” ติงชุ่ยกินอาหารฝีมือหลัววั่งบ่อยๆ มิอาจบอกได้ว่าอร่อยหรือไม่ นางไม่ชอบทำอาหาร แม้ทำได้บ้างแต่ไม่นับว่าเก่งนัก มักถูกมารดาตำหนิที่ไม่ฝึกฝนเรื่องงานครัวอยู่บ่อยครั้ง “อร่อยมาก” นางพยักหน้าขึ้นลง “อร่อยจนไม่รู้ข้าจะบรรยายอย่างไร” หลัววั่งหัวเราะแก้เขิน “อยากได้อีกลูกไหม?” “พอแล้ว” ติงชุ่ยรีบห้าม “นางเพิ่งฟื้นจะให้กินเยอะมากไม่ได้ ประเดี๋ยวร่างกายรับไม่ไหวจะอาเจียนออกมาหมด” หญิงสาวพยักหน้าเร็วๆ นางเป็นนกนี่นะ คุ้นเคยกับการพยักหน้าผงกศีรษะ นางรู้สึกอิ่มก็จริงแต่ร่างกายยังโหวงเหวงชอบกล หรืออาจเพราะนางเพิ่งฟื้นก็เป็นได้ “พี่หลัววั่ง พี่ติงชุ่ย มีสิ่งใดให้ข้าช่วยบ้างหรือไม่” “เจ้าเป็นคนป่วย เพิ่งฟื้นเช่นนี้ไปพักผ่อนเถิด” หลัววั่งโบกมือไล่ “บริเวณนี้ร้อนนัก ประเดี๋ยวหน้ามืดหน้าคว่ำใส่เตาต้มยา เจ้าถอยไปห่างๆ เถิด” หลันหลันพยักหน้าเร็วๆ แล้วก้าวถอยห่างอย่างเชื่อฟัง ติงชุ่ยแม้เตือนตัวเองอย่าได้หลงกลท่าทางไร้เดียงสานี้แต่ก็อดเอ็นดูไม่ได้ “เช่นนั้นตามข้ามา” ติงชุ่ยคว้าข้อมือเรียวเล็กของหลันหลันแล้วก็ขมวดคิ้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ถือตัวนางก็พิจารณาดูข้อมือของหลันหลัน ผอมจนเห็นเป็นกระดูกขึ้นมา ยามที่นางช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เห็นตามเนื้อตัวมีรอยช้ำ ทั้งเก่าใหม่เต็มไปหมด แม้ไม่รู้ที่มาที่ไปแต่เห็นแล้วน่าสงสารไม่น้อย “เจ้าอย่าใช้งานนางหนักนัก” “เปล่าเสียหน่อย” ติงชุ่ยแยกเขี้ยวใส่ “ข้าแค่จะพานางกลับไปพักเท่านั้น” หลันหลันมองหลัววั่งสลับกับติงชุ่ยไปมาแล้วก็ยิ้มกว้างพยักหน้าขึ้นลงเร็วๆ “พี่ชายกับพี่สาวช่างเป็นคู่รักที่น่ารักยิ่งนัก” “คู่รัก!” ติงชุ่ยกับหลัววั่งพูดออกมาพร้อมกันแล้วสบตากันก่อนหันหน้าหนีซ่อนแก้มแดงระเรื่อของตนเอง “เจ้าอย่าพูดจาส่งเดช” “ไม่ใช่รึ?” นางเอียงคอมองแล้วโคลงศีรษะอย่างไม่เข้าใจ “พี่สาวกับพี่ชายเข้ากันได้ดีถึงเพียงนี้ มิใช่เป็นคู่รักย่อมเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย” ติงชุ่ยไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระอีกจึงรีบดึงข้อมือเล็กๆ ของหลัน หลันให้รีบเดินออกมาโดยเร็ว ใจจริงนางอยากจับหลันหลันยัดกลับเข้าไปในห้องแล้วลงกลอนปิดประตูไว้ แต่เมื่อเดินออกมาก็พบว่าคนกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมเซียวเหรินอยู่ “เหตุใดเจ้าไม่ยอมช่วยมารดาของข้า” ชายร่างยักษ์คว้าคอเสื้อของเซียวเหรินกระชากอย่างแรงจนร่างสูงโปร่งแทบจะปลิวตามแรงกระชาก “ข้าพูดไปแล้ว” เซียวเหรินกล่าวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มีแววหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายแต่อย่างใด “เจ้าแค่จับข้อมือ เปิดดวงตามารดาของข้า เพียงแค่นี้ก็บอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว! เจ้าเป็นหมอภาษาอะไร ยังไม่ทันลงมือก็บอกว่ามารดาของข้าไม่รอดแล้ว” ติงชุ่ยปล่อยมือจากข้อมือเล็กๆ ของหลันหลันแล้วอุทาน “แย่แล้ว!” “แย่แล้ว?” หลันหลันพูดทวนคำเดียวกับติงชุ่ย “เจ้าอยู่ที่นี่อย่าให้ใครทำร้ายท่านเซียวนะ ข้าจะไปตามหลัววั่ง” หลันหลันพยักหน้าขึ้นลงรับคำสั่งจากติงชุ่ย นางจ้องมองภาพเบื้องหน้า ชายร่างใหญ่เหมือนหมีดำกระชากคอเสื้อของเซียวเหรินจนปลายเท้าลอยขึ้นจากพื้น นางเบิกตากว้างรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีวิ่งพุ่งเข้าไปอย่างแรง หวังใช้สองมือผลักหมียักษ์ให้กระเด็น ทว่าสุดแรงของนางนั้นไม่ได้ทำให้ร่างหมีดำขยับแม้แต่น้อย มีเพียงดวงตาสองข้างที่ย้ายสายตาจากเซียวเหรินมาที่ฝ่ามือเล็กๆ ที่ทำท่าดันเขา “เจ้าทำอะไร” ชายร่างใหญ่เอ่ยถาม เห็นชัดว่านางดันร่างของเขาแต่สองเท้านั้นตะกุยพื้นดิน “ผลักเจ้าไง” นางเงยหน้าขึ้นมองไร้แววหวาดกลัว “นี่ออกแรงแล้วรึ” หลันหลันพยักหน้าหงึกๆ ด้วยท่าทีจริงจัง นางใช้สองมือดันร่างใหญ่จนเท้าเล็กๆ ของนางจิกพื้นดิน “แรงแค่นี้คิดจะผลักข้ารึ” คนร่างใหญ่ขมวดคิ้ว อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ออกจะสงสารที่นางพยายามแล้วแต่ทำได้แค่นี้ อย่าว่าแต่มัดไก่เลย ตบยุงก็ไม่น่าจะตายด้วยซ้ำ เซียวเหรินไม่คิดต่อสู้อยู่แล้วจึงยอมให้อีกฝ่ายจับคอเสื้อยกเขาจนปลายเท้าลอยขึ้นเหนือพื้นเช่นนี้ แต่เห็นสาวใช้ของกงเสวี่ยหลิงพยายามช่วยเขาอยู่ ก็ทำให้เขาจำใจยกมือขึ้นหมายจี้สกัดจุดให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายขยับตัวไม่ได้เสีย แต่มือใหญ่นั้นกลับปล่อยคอเสื้อของเขาออกอย่างรวดเร็วแล้วโน้มตัวลงก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่เชิดหน้าขึ้นข่มขวัญคนตัวใหญ่ “ตัวแค่นี้ แรงก็นิดเดียวจะทำอะไรใครได้” “ได้สิ! ข้าจะต้องปกป้องผู้มีพระคุณของข้า” นางยังมุ่งมั่นที่จะผลักหมีดำแต่มือใหญ่หยาบกร้านยื่นมาดันศีรษะนางเบาๆ แต่กระนั้นนางก็ถอยหลังง่ายดาย
ตั้งค่า
ประวัติการอ่าน
ขนาดตัวอักษร
-18
ปลดล็อกบทถัดไปโดยอัตโนมัติ
สารบัญ
ตอนที่ 1 ‘หมอเทวดาไร้ใจ’ ตอนที่ 2 เซียวเหริน ตอนที่ 3 เป็นไปได้อย่างไร ตอนที่ 4 หลันหลัน ตอนที่ 5 ข้ากินไม่อิ่ม ตอนที่ 6 มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ ตอนที่ 7 มีเวลาสี่สิบเก้าวัน ตอนที่ 8 บอกข้า ตอนที่ 9 ไม่อยากร้องไห้ ตอนที่ 10 เจ้าตายไปแล้ว ตอนที่ 11 เหตุใดนางจึงเป็นเช่นนี้ ตอนที่ 12 ก็ข้าเป็นนก! appตอนที่ 13 ไม่ไหวแล้ว appตอนที่ 14 นางป่วยอยู่จึงทำอะไรประหลาดไปบ้าง appตอนที่ 15 ดวงตาเป็นประกาย appตอนที่ 16 หมู่ตึกนกยูงทอง appตอนที่ 17 จำได้ทุกประโยค appตอนที่ 18 น่าแปลก appตอนที่ 19 รางวัล appตอนที่ 20 ข้าโกหกไม่เก่งและจะไม่โกหกท่าน appตอนที่ 21 สิ่งที่ค้างตา appตอนที่ 22 ยิ้มกลบเกลื่อน appตอนที่ 23 ข้าไม่มีน้องสาว appตอนที่ 24 ของเล็กน้อยเท่านั้น appตอนที่ 25 ข้าจะไปหอชมบุหลัน appตอนที่ 26 แล้วข้าเล่า appตอนที่ 27 เจ้าว่านายป่วยไม่ใช่รึ appตอนที่ 28 ถ้าวันหนึ่งข้าเป็นอะไรป appตอนที่ 29 เพื่อให้มีชีวิตถึงวันที่สี่สิบเก้า appตอนที่ 30 เจ้าก่อเรื่องใด appตอนที่ 31 อย่าพูดเสียงดังไป appตอนที่ 32 ทำงาน appตอนที่ 33 ไม่เชื่อว่าข้าเป็นนก appตอนที่ 34 มือที่มีไว้ช่วยผู้คน appตอนที่ 35 ช่างเป็นนกหงส์หยกที่กะล่อนเสียจริง appตอนที่ 36 ดอกโบตั๋นที่เชิงเขาฝั่งตะวันออก appตอนที่ 37 ไม่ถูกต้อง appตอนที่ 38 ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เขาคิดถึงนาง appตอนที่ 39 มาถึงแล้ว appตอนที่ 40 เริ่มดำเนินการตามแผน appตอนที่ 41 เชี่ยวชาญการสะกดจิต appตอนที่ 42 ตามแผน appตอนที่ 43 เจ้าตายไปแล้ว appตอนที่ 44 รับผลกรรม appตอนที่ 45 เสียงเรียกที่แฝงอำนาจ appตอนที่ 46 ผลของการกระทำ appตอนที่ 47 ให้นางตัดสินใจเอง appตอนที่ 48 เหตุใดถึงเจ็บถึงเพียงนี้ appตอนที่ 49 คิดถึง appตอนที่ 50 ใช้หัวใจฟังเสียวหัวใจสิ appตอนที่ 51 เจ้านกตะกละ appตอนที่ 52 ไม่มีอะไรให้ลังเลและกังวลอีกแล้ว appตอนที่ 53 จบ app
เพิ่มในชั้นวางหนังสือ
ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
Joyread
บทก่อนหน้า บทต่อไป
ทรัพยากร
ติดตามพวกเรา
Joyread
UNION READ LIMITED
Room 1607, Tower 3, Phase 1 Enterprise Square 9 Sheung Yuet Road Kowloon Bay Hong Kong
ลิขสิทธิ์ © Joyread สงวนลิขสิทธิ์