หน้าแรก
จัดลำดับ
หมวดหมู่ยอดนิยม
เติมเงิน
ชั้นหนังสือ
ภาษาไทย
ลงทะเบียน
ตอนที่ 8 อย่าปล่อยให้เขาอยู่ดีมีสุข
อินชิงเสวียนเดินตามมาถึงหน้าประตู ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างแล้วแอบฟังอย่างเงียบงัน แม่นมหลี่เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ "สองพี่น้องตระกูลหวัง ขายของออกหรือไม่?” หวังต้าหวู่กล่าวด้วยความยินดีแทบเก็บอาการไม่อยู่ "ขายได้แล้ว พวกท่านไปเอามาจากที่ใดกัน?” แม่นมหลี่เอ่ยว่า "เจ้าไม่ต้องสนใจ ส่งเงินมาเถิด" เสียงเสียดสีของบานประตูดังขึ้น ประตูตำหนักถูกแง้มออกเพียงเล็กน้อย ก่อนจะมีถุงเงินถูกยื่นเข้ามาจากด้านนอก หวังเอ้อร์หวู่เอ่ยขึ้นต่อมา "แม่นมหลี่ ของพวกนี้ขายออกง่ายก็จริง แต่ราคากลับไม่สูงดังที่ท่านว่า สี่ชิ้นรวมกันได้เพียงสามร้อยตำลึง ท่านว่ายังไง?” แม่นมหลี่อดไม่ได้ที่จะหันไปมองอินชิงเสวียน อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนพยักหน้าอย่างจำใจ แม่นมหลี่รับเงินมาแล้วกล่าวว่า "ก็ดี คราวหน้าพวกเจ้าขายให้ได้ราคาสูงกว่านี้หน่อย ของพวกเราหายากและมีค่าไม่ใช่หรือ?” หวังเอ้อร์หวู่หัวเราะหึหึอย่างมีเลศนัย “ท่านวางใจเถิด หากยังมีของอีก ข้าจะขายสุดฝีมือแน่นอน!" อินชิงเสวียนเดินกลับเข้าไปในห้องแล้ว สามร้อยตำลึงจากของสี่ชิ้น นับว่าไม่น้อยเลยในยุคนี้ เงินจำนวนนี้เพียงพอให้ครอบครัวสามัญชนอยู่กินได้ถึงห้าหกปี แต่เมื่อเทียบกับจำนวนที่นางต้องใช้เพื่อออกจากวัง มันกลับน้อยเสียเหลือเกิน ก่อนอื่นต้องเตรียมเสื้อผ้าให้พร้อม ต้องมีป้ายประจำตัว อีกทั้งยังต้องติดสินบนทหารที่เฝ้าประตูวัง หากไม่มีเงินหลายพันตำลึง เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ อีกอย่าง นางก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพี่น้องตระกูลหวังคู่นี้แอบโกงเงินนางไปหรือไม่ ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ย แม่นมหลี่ก็พูดขึ้นก่อน "สองคนนั้นมิใช่คนซื่อสัตย์นัก หากขายในวัง ต้องได้หกถึงเจ็ดร้อยตำลึงเป็นอย่างต่ำแน่!" เมื่ออินชิงเสวียนเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “ช่างเถิด ข้ายอมให้พวกมันฮุบไปเถอะ ใครใช้ให้พวกเราไม่มีช่องทางอื่นในวังหลวงกันเล่า ด้วยฐานะอันต่ำต้อยของพวกมัน หากนำไปขายในวัง จะต้องมีผู้สงสัยสอบถามที่มาเป็นแน่ ถึงเวลานั้นเกรงว่าพวกมันคงพลอยขายพวกเราไปด้วย แม่นมหลี่ เจ้าไปนำกระจกและน้ำหอมที่เหลือให้พวกมันเถอะ ครั้งหน้าหากพวกมันมา จงให้พวกมันนำชุดขันทีสามชุดมาส่งให้ และซื้อเนื้อมาด้วย” แม่นมหลี่ขานรับคำก่อนจะหยิบกระจกและน้ำหอมที่เหลือออกไป สามวันให้หลัง พี่น้องตระกูลหวังกลับมาพร้อมข่าวสาร หากไม่นับชุดและเนื้อ พวกมันนำเงินกลับมาเพียงสี่ร้อยตำลึงเท่านั้น แม่นมหลี่อดไม่ได้ที่จะขึ้งเคียด “ไอ้บัดซบสองตัวนี้ คงเห็นคิดว่าข่มเหงพวกเราได้ง่าย สิ่งของพวกนี้มากสุดก็แค่ยี่สิบตำลึงเท่านั้น” อินชิงเสวียนหัวเราะเยาะเย้ยพลางกล่าว “อันนี้เรียกว่าหงส์ตกอับเทียบไม่ได้กระทั่งอีกา” อวิ๋นไฉอดมิได้ที่จะเอ่ยขึ้น “นายท่าน หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป คราวหน้าคงได้เงินน้อยกว่านี้อีกเป็นแน่” อินชิงเสวียนกลอกตาขึ้น “แล้วจะทำอย่างไรได้ พวกเราก็ออกไปมิได้” อวิ๋นไฉชี้ไปที่โพรงสุนัข ก่อนกระซิบเสียงต่ำ “นายท่าน ท่านลืมไปแล้วหรือ ว่าพวกเรามิใช่ออกไปมิได้ หากพวกเราเป็นฝ่ายไปติดต่อขันทีผู้ใหญ่ด้วยตนเองให้ช่วยขายของให้ จะต้องได้เงินมากกว่านี้แน่” แม่นมหลี่รีบค้านทันควัน “ไม่ได้เด็ดขาด หากอีกฝ่ายซักถามว่าพวกเรามาจากตำหนักใด พวกเราจะตอบว่าอย่างไร มันเสี่ยงเกินไป” อวิ๋นไฉจับมือแม่นมหลี่พลางกล่าว “ตอนที่พระสนมยังมิได้ให้กำเนิดบุตร ข้าได้ยินห้องเครื่องพูดกันว่า มีสตรีงามคัดสรรเข้าวังมามากมาย พวกเราเพียงแค่กล่าวสุ่มไปสักคนก็พอ ไหนเลยจะปล่อยให้เงินตำลึงเข้ากระเป๋าผู้อื่นเล่า” อินชิงเสวียนเองก็กระวนกระวายใจต่อแต้มสะสมของตนเอง เช้านี้นางเข้าไปตรวจดูในมิติส่วนตัว พบว่าต้นกล้าเพิ่งแตกดอกตูม หากคำนวณจากอัตราการเจริญเติบโต คงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ เงินที่เหลือนางก็ไม่กล้าใช้ฟุ่มเฟือย ยังต้องเก็บไว้ซื้อนมผงให้โก่วตั้น แต่หากจะหนีออกไป นางกลับไม่มีขุนนางหรือคนในวังที่คุ้นเคยช่วยเหลือเลย นับว่าเสี่ยงเกินไปนัก คิดไปคิดมา นางก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนความขมขื่นนี้ไปก่อน รอถึงวันที่จะออกจากวัง ค่อยหาทางสั่งสอนสองพี่น้องตระกูลหวังพวกนั้นให้สาสม หลังอาหารกลางวัน อินชิงเสวียนกัดฟันแลกกระจกบานเล็กสองอันกับน้ำหอมลูกกลิ้งสองขวดจากมิติ แล้วให้แม่นมหลี่นำไปให้สองพี่น้องตระกูลหวัง ทั้งสองได้รับของก็ดีใจจนออกนอกหน้า รอบแรกพวกเขาขายให้ร้านเครื่องประดับ ได้ราคาชิ้นละหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง ส่วนรอบที่สองฝากคนขายให้ที่จวนของมหาอาจารย์หลวงลู่ ได้มาถึงหนึ่งพันตำลึง พอเห็นว่ามีสินค้าส่งมาอีกมากมาย ดวงตาทั้งสองก็เปล่งประกายด้วยความโลภทันที หวังต้าหวู่พูดเสียงเบา "น้องชาย เจ้านี่มันเจ้าเล่ห์จริง ๆ ของแค่นี้ก็ทำให้พวกเราฟันกำไรไปหลายร้อยตำลึง แต่…เรายักยอกเงินพวกนางเพิ่มอีก มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ?” หวังเอ้อร์หวู่แค่นเสียง "ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย นางถูกขังอยู่ในตำหนักเย็น ขยับออกไปไหนก็ไม่ได้ พวกเรามีอะไรต้องกังวลอีก? หากวันใดถูกย้ายออกจากที่นี่ จะหาเงินจากที่ไหน? ในเมื่อพวกนางยังมีของอยู่ ก็ต้องรีบโกยกำไรให้มากที่สุด" หวังต้าหวู่ครุ่นคิดแล้วก็เห็นด้วย เมื่อต้องเข้าไปอยู่ในตำหนักเย็น ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกมาอีกตลอดชีวิต ไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวอยู่แล้ว จากนั้นก็ถามอย่างสงสัย "แต่เจ้าบอกว่านางถูกขังอยู่ในตำหนักเย็น นางไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” หวังเอ้อหวู่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ "สนไปทำไม? ขอแค่มีเงินเข้ากระเป๋าก็พอแล้ว" อินชิงเสวียนเองก็โกรธจนแทบข่มใจไม่อยู่ ถึงของพวกนี้จะใช้แต้มแลกมาไม่มาก แต่แต้มเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะได้มาเปล่า ๆ เจ้าสองตัวเวรนี่ นางต้องหาทางเล่นงานให้สาสม! ยามค่ำคืน อินชิงเสวียนสั่งการให้อวิ๋นไฉทำหมูพะโล้ เมื่อได้เติมน้ำตาลกับซีอิ๊วลงไป ทั้งสีสันและรสชาติของมันก็ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น อวิ๋นไฉกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว “นายหญิง ท่านไปเรียนมาจากที่ใดกัน? ไฉนจู่ ๆ ถึงทำอาหารได้มากมายเช่นนี้?” “แน่นอนว่าจากเซียนเฒ่าสิ ลองชิมดูสิว่าอร่อยหรือไม่" อินชิงเสวียนยกตะเกียบคีบเนื้อขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ส่งเข้าปาก กลับถูกปากใหญ่ ๆ คาบเอาไปเสียก่อน อินชิงเสวียนทั้งขำทั้งโมโห “สัตว์ตัวนี้ฉลาดจริง ๆ ตอนผัดอาหารไม่เคยโผล่มา แต่พอเป็นหมูพะโล้ กลับวิ่งเร็วกว่าผู้ใดเสียอีก!" ไป่เสวี่ยกลืนเนื้อลงท้องไปเรียบร้อยแล้ว มันส่งเสียงอ้อแอ้ในลำคอ พลางใช้สองอุ้งเท้าก้มหัวให้กับอินชิงเสวียนไม่หยุด อินชิงเสวียนหยิบชิ้นเนื้อมันโยนให้มัน ก่อนจะลูบหัวพลางเอ่ยถาม “เสี่ยวไป๋ ข้าแต่งหน้าให้เจ้าไป นายเจ้ามีบันดาลโทสะหรือไม่?” ไป๋เสวี่ยสนใจเพียงแค่เนื้อที่อยู่ตรงหน้า กินเสร็จก็รีบโค้งขอบคุณ ขาหลังทั้งสองกระโดดเร่า ๆ ราวกับอยากพุ่งลงหม้อเสียให้ได้ อินชิงเสวียนโยนเนื้อให้มันอีกชิ้น “กินเสร็จแล้ว ข้าจะวาดหน้าให้เจ้าอีก รับรองว่านายเจ้าเห็นแล้วจะต้องยินดีเป็นแน่” ครานี้อินชิงเสวียนวาดไป๋เสวี่ยให้กลายเป็นหมีแพนด้า ลูบไล้หมึกดำไปทั่วร่าง ไป๋เสวี่ยปลื้มปิตินัก อวดดวงตาหมีแพนด้าของมัน พลางบิดสะโพกมุดออกจากโพรงสุนัขไป อวิ๋นไฉพยายามกลั้นหัวเราะอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายก็หลุดขำตัวโยน “นายท่าน ท่านช่างมีจินตนาการยิ่งนัก หากฝ่าบาทเห็นเข้า ต้องโกรธจนแทบขาดใจแน่ ตอนอยู่ตำหนักรัชทายาท เขารักเจ้าหมาตัวนี้ยิ่งนัก ขนหลุดเพียงเส้นเดียวก็จะสงสารไปครึ่งค่อนวัน” อินชิงเสวียนตบมือพลางกล่าว “ทำให้เขาโกรธตายได้ก็ยิ่งดี ผู้ชายเช่นนี้ จะปล่อยให้อยู่ดีมีสุขมิได้” ระหว่างที่อินชิงเสวียนพูด ไป๋เสวี่ยก็วิ่งไปถึงห้องทรงอักษรแล้ว เยี่ยจิ่งอวี้กำลังตรวจฎีกา ครั้นเห็นไป๋เสวี่ยพุ่งเข้ามาพร้อมดวงตาแพนด้าคู่โต พระพักตร์ก็เปลี่ยนสีทันที “ผู้ใดบังอาจถึงเพียงนี้ กล้าตีดวงตาของเจ้าจนเป็นเช่นนี้!” ไป๋เสวี่ยกระโจนเข้าใส่ เยี่ยจิ่งอวี้เพ่งมองอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะพบว่ารอบดวงตาของมันล้วนถูกเปรอะเปื้อนด้วยเขม่าก้นหม้อ!
บทก่อนหน้า
บทต่อไป
ตั้งค่า
ประวัติการอ่าน
ขนาดตัวอักษร
-18
ปลดล็อกบทถัดไปโดยอัตโนมัติ
สารบัญ
ตอนที่ 1 ข้ามภพมาเป็นมารดา
ตอนที่ 2 พระสนมดูประหลาด
ตอนที่ 3 น้ำพุทิพย์วิเศษ
ตอนที่ 4 เสี่ยวโก่วตั้น
ตอนที่ 5 ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 6 เลี้ยงลูกและก่อกบฏ
ตอนที่ 7 หนทางสร้างรายได้
ตอนที่ 8 อย่าปล่อยให้เขาอยู่ดีมีสุข
ตอนที่ 9 เจ้าวิปลาสรึ
ตอนที่ 10 แสวงหาทางออกด้วยตนเอง
ตอนที่ 11 พวกเรามาทำการค้าด้วยกันเถิด
ตอนที่ 12 หวาเซี่ยอยู่แห่งหนใด?
app
ตอนที่ 13 ชิ้นละหนึ่งพันตำลึง
app
ตอนที่ 14 นี่คือสินน้ำใจของท่าน
app
ตอนที่ 15 เสริมแคลเซียม
app
ตอนที่ 16 ผู้ใดรังแกเจ้า?
app
ตอนที่ 17 น้ำใต้หลั่งเหนือ
app
ตอนที่ 18 กำแพงมีหู ประตูมีช่อง
app
ตอนที่ 19 ยิ่งนานวันก็ยิ่งคล้ายฮ่องเต้
app
ตอนที่ 20 น่าเสียดาย
app
ตอนที่ 21
app
ตอนที่ 22
app
ตอนที่ 23
app
ตอนที่ 24
app
ตอนที่ 25
app
ตอนที่ 26
app
ตอนที่ 27
app
ตอนที่ 28
app
ตอนที่ 29
app
ตอนที่ 30
app
เพิ่มในชั้นวางหนังสือ
ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
บทก่อนหน้า
บทต่อไป
ผู้ใช้พึงรู้
ข้อตกลงของผู้ใช้
นโยบายความเป็นส่วนตัว
ทรัพยากร
ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
ไปเริ่มเขียน
ติดตามพวกเรา
Facebook
Instagram
Twitter
ติดต่อเรา
service@joyread.com
business@joyread.com
editor@hopwriter.com
DMCA
FINLINKER TECHNOLOGY LIMITED
69 ABERDEEN AVENUE CAMBRIDGE ENGLAND CB2 8DL
ลิขสิทธิ์ © Joyread สงวนลิขสิทธิ์