หน้าแรก
จัดลำดับ
หมวดหมู่ยอดนิยม
เติมเงิน
ชั้นหนังสือ
ภาษาไทย
ลงทะเบียน
ตอนที่ 9 เจ้าวิปลาสรึ
“อุกอาจ เหลือเกิน!" เยี่ยจิ่งอวี้เหวี่ยงไป่เสวี่ยลงกับพื้น ก่อนจะเหลือบมองมืออันเปื้อนดำสนิท ดวงตาพลันลุกวาวด้วยโทสะ เขาตวาดลั่น “ผู้ใดบังอาจ กล้าดีเยี่ยงนี้ ถึงได้กล้ากลั่นแกล้งไป่เสวี่ยเช่นนี้? หลี่เต๋อฝู เจ้าออกสืบมาหลายวันแล้ว ตกลงว่าใครเป็นตัวการ?” หลี่เต๋อฝูทรุดตัวลงคุกเข่ากระแทกพื้น ตัวสั่นงันงกพลางกล่าวเสียงสั่น "บ่าวไล่สอบถามผู้คนทั่วทั้งวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าไป่เสวี่ยไปเยือนตำหนักใด พวกสตรีคัดสรรชุดใหม่ก็อยากเข้าหามัน แต่เพราะนิสัยของไป่เสวี่ยนั้นไม่ดีนัก พวกนางจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าใกล้ แม้แต่เสียนเฟย ไป่เสวี่ยยังไม่เห็นอยู่ในสายตา บ่าวหาได้รู้เลยว่าใครจะบังอาจก่อเรื่องเช่นนี้" เยี่ยจิ่งอวี้หรี่ดวงตาคมกริบ คลื่นโทสะซัดสาดในแววตา ก่อนตวาดด้วยเสียงเย็นเยียบ "ไร้ประโยชน์! เรื่องแค่นี้ยังสืบไม่ได้ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าจงตามไป่เสวี่ยไปทุกหนทุกแห่ง หากยังจับตัวคนผิดไม่ได้ ก็อย่าคิดจะกลับมา!" “พ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เต๋อฝูรับคำทั้งน้ำตาคลอ ก่อนรีบวิ่งออกไปนำอาภรณ์ฝึกยุทธ์ของเยี่ยจิ่งอวี้มาให้ ช่วงนี้ทุกครั้งที่ฝ่าบาทอารมณ์ขุ่นมัว ก็จะเสด็จไปยังตำหนักฉงอู่ บรรดาทหารฝึกซ้อมหลายคนจึงต้องรับเคราะห์ไปตาม ๆ กัน เมื่อนึกถึงบรรดาทหารที่ถูกซ้อมจนหน้าบวมปูด หลี่เต๋อฝูก็อดเหงื่อแตกไม่ได้ ขอเพียงอย่าให้ฝ่าบาทลงไม้ลงมือกับตนก็พอ ส่วนคนอื่นถูกซัดหนักแค่ไหน เขาก็จนปัญญาจะช่วย ด้วยสังขารอันแก่หง่อมเช่นนี้ เกรงว่าจะทานรับหมัดของฝ่าบาทไม่ไหว ขณะที่หลี่เต๋อฝูกำลังคร่ำครวญ คนที่เป็นตัวการกลับนั่งเอนกายอยู่ในลานบ้าน เคี้ยวแตงกวาดังกร้วม ๆ อย่างสบายใจ กลิ่นหอมสดชื่นลอยกรุ่นจากมือของอินชิงเสวียน อวิ๋นไฉอดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ อินชิงเสวียนเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า "แตงกวามีออกมากมาย เจ้ากับแม่นมหลี่ช่วยกันกินบ้างเถิด กินแต่เนื้อเยอะไปก็เลี่ยนได้" อวิ๋นไฉรีบส่ายหัวทันที “นายหญิงโปรดเก็บไว้กินเองเถิด" “นี่มิใช่ของหายาก เซียนเฒ่าที่นั่นมีอยู่อีกมาก ไปกินเถิด แล้วเอาไปฝากแม่นมหลี่สักอันด้วย" “เจ้าค่ะ" อวิ๋นไฉหยิบแตงกวาสองลูกขึ้นมาด้วยความยินดี ก่อนวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว นางกระซิบเบา ๆ "นายหญิง แม่นมหลี่และองค์ชายน้อยหลับแล้วเจ้าค่ะ" อินชิงเสวียนพยักหน้ารับเบา ๆ นางย่อมตระหนักดีถึงความเหน็ดเหนื่อยของแม่นมหลี่ ผู้ต้องคอยเฝ้าดูแลเสี่ยวโก่วตั้นอย่างใกล้ชิด ทั้งป้อนนม เปลี่ยนผ้าอ้อม ยามร้องไห้ก็ต้องปลอบประโลมไม่ห่างกาย ไหนเลยแม่นมหลี่ซึ่งอายุล่วงวัย จะสามารถแบกรับภาระเช่นนี้ได้โดยมิรู้เหน็ดเหนื่อย “เช่นนั้นก็อย่าไปกวนให้นางตื่น พวกเรากินกันเองเถอะ” อวิ๋นไฉพยักหน้ารับ ก่อนจะนั่งลงข้างอินชิงเสวียนด้วยความยินดี อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “อวิ๋นไฉ วังหลวงแห่งนี้กว้างใหญ่นักหรือ?” อวิ๋นไฉพยักหน้า “แน่นอนว่ากว้างใหญ่มาก” อินชิงเสวียนแหงนมองท้องฟ้า ก่อนเอ่ยถามต่อ “เช่นนั้น…ในวังหลวงนี้ มีจุดชมวิวที่ไหนบ้าง?” “จุดชมวิวอะไรหรือเจ้าคะ?” อวิ๋นไฉไม่เข้าใจนัก อินชิงเสวียนอธิบายด้วยความอดทน “ก็คือสถานที่ที่งดงามและน่าเพลิดเพลินใจ” อวิ๋นไฉเอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็คงเป็นอุทยานหลวงกระมัง เวลานี้บุปผานานาพันธุ์ล้วนเบ่งบาน คงงามล้ำยิ่งนัก” อินชิงเสวียนติดอยู่ในตำหนักเย็นมานานกว่าสัปดาห์ สายตาแลเห็นเพียงท้องฟ้าแค่ฝ่ามือเดียว นางย่อมรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย หากต้องติดแหง็กอยู่ในที่รกร้างแห่งนี้ไปตลอด เกรงว่ายังมิทันสะสมเงินพอ นางคงเฉาตายเสียก่อน อดมิได้ที่จะเอ่ยถาม “อุทยานหลวงอยู่ไกลจากตำหนักเย็นมากหรือไม่?” อวิ๋นไฉชะงักริมฝีปาก ก่อนอุทานขึ้นด้วยความตกใจ “นายท่าน ท่านมิคิดจะออกไปข้างนอกหรอกใช่หรือไม่?” อินชิงเสวียนเหลือบมองเข้าไปด้านใน ก่อนลดเสียงกล่าวเบา ๆ “ดึกป่านนี้แล้ว หากเราลอบออกไปเดินเล่นเสียหน่อย คงไม่มีผู้ใดจับได้กระมัง” “เรื่องนี้……” ปากของอวิ๋นไฉแม้ยังลังเล ทว่าดวงตากลับส่องประกายตื่นเต้นยิ่งนัก อินชิงเสวียนไหนเลยจะมองไม่ออก จึงคว้าข้อมืออวิ๋นไฉ ดึงตัวนางขึ้นมา กล่าวเสียงต่ำ “ไปนำชุดขันทีมา เราสองคนจะสวมมันลอบออกไปเดินเล่นสักรอบ แม่นมหลี่คงมิได้ตื่นขึ้นมาเป็นแน่” อวิ๋นไฉทั้งตื่นเต้นและหวาดหวั่น “นายท่าน…เช่นนี้จะดีหรือ?” “ไม่น่ามีปัญหาหรอก พวกเราไม่ออกไปไกล ถือว่าออกไปสูดอากาศก็แล้วกัน" ชั่วครู่ต่อมา นายบ่าวทั้งสองก็มุดออกจากช่องสุนัขไป พออ้อมกำแพงด้านหลังออกไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็คือถนนสายยาวทอดตรงไปไม่สิ้นสุด เมื่อได้เห็นตรอกกว้างใหญ่เช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกว่าลมหายใจของนางโล่งขึ้นมาก เมื่อสอดส่องดูรอบด้าน พบว่าตรอกนี้ว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดเลย นางก็ยิ่งใจกล้าขึ้นมา จับมืออวิ๋นไฉแล้วเดินไปข้างหน้าช้า ๆ นายบ่าวทั้งสองเหมือนแม่เฒ่าหลิวได้มีโอกาสเข้าไปในอุทยานต้ากวน ระหว่างทางเดินหันซ้ายแลขวาตลอด อวิ๋นไฉตื่นเต้นเกินไปจนหน้าแดงก่ำ พอเดินไปถึงป่าละเมาะข้างหน้า ก็พูดขึ้นเบา ๆ "นายหญิง ข้าอยากปลดทุกข์เจ้าค่ะ" “ไปเถิด ข้าจะคอยดูต้นทางให้" อวิ๋นไฉกลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปในป่าเล็ก ๆ นั้นทันที อินชิงเสวียนเท้าสะเอว สูดลมหายใจรับอากาศที่ปลอดโปร่งเต็มปอด อารมณ์ของนางดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ทว่า ความสุขนั้นอยู่ได้ไม่นาน ก็มลายหายไปในพริบตา ขณะนางกำลังเพลิดเพลินมองซ้ายแลขวา พลันเห็นกลุ่มทหารลาดตระเวนเดินตรงมาจากอีกฟากของถนน เมื่อเห็นอินชิงเสวียนยืนอยู่กลางถนน พวกทหารก็เอ่ยถามเสียงแข็งทันที "เจ้าเป็นคนของตำหนักใด? ดึกดื่นเช่นนี้มายืนทำอะไรอยู่ที่นี่?” อินชิงเสวียนสะดุ้งโหยง รีบก้มหน้าลงทันที ก่อนจะนึกถึงชื่อหนึ่งขึ้นมาในหัว “บ่าวมาจากตำหนักลี่ซิ่วขอรับ” “ถ้าเช่นนั้นก็รีบกลับตำหนักไป!" “ขอรับ” อินชิงเสวียนหันหลังเดินกลับไปทันที แต่แล้วทหารที่เป็นหัวหน้าก็เรียกนางไว้ “ตำหนักลี่ซิ่วอยู่ทางนี้" “ขอบคุณท่านพี่องครักษ์ ฟ้ามืดค่ำจนทำให้ตำหนักลี่ซิ่วจำทางไม่ค่อยได้" อินชิงเสวียนหัวเราะแห้ง ๆ แล้วเดินไปตามทิศที่ทหารชี้ทางให้ เดิมทีนางตั้งใจเดินไปไม่กี่ก้าวแล้ววกกลับมา ใครจะรู้ว่ากลุ่มทหารพวกนั้นกลับเดินตามมาประกบข้างนางตลอดทาง นางจึงจำต้องเดินตามพวกเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ พอวกเลี้ยวไปสองรอบ นางก็มึนงงจนไม่รู้ทิศทางเสียแล้ว พอนางคิดจะหันไปถามทหาร พวกเขากลับเดินจากไปไกลเสียแล้ว เมื่ออินชิงเสวียนมองตรอกเล็กตรอกน้อยที่มีหน้าตาคล้ายกันไปหมด นางก็ถึงกับพูดไม่ออก ต้องรีบหาทางกลับโดยเร็ว หากอวิ๋นไฉมองหาแล้วไม่พบตนเข้า นางต้องร้อนใจเป็นแน่ ขณะกำลังคิดหาคนสอบถาม จู่ ๆ ก็เห็นชายผู้หนึ่งก้าวออกจากตำหนักด้านข้าง ในมือของเขาถือกระบี่ยาว สวมอาภรณ์นักรบสีดำ ท่วงท่ามิได้แตกต่างจากเหล่าทหารองครักษ์เมื่อครู่ อินชิงเสวียนรีบวิ่งเข้าไป ตบไหล่ชายผู้นั้นเบา ๆ แต่ทันใดนั้น นางกลับรู้สึกว่าข้อมือถูกบีบรัดแน่น ราวกับถูกคีบไว้ด้วยคีมเหล็ก มิทันให้นางได้ตั้งตัว ร่างก็ถูกจับทุ่มลงกับพื้นอย่างแรง “โอ๊ย!” อินชิงเสวียนล้มกลิ้งหลังฟาดพื้น แขนขากางออกเป็นรูปดาว หมวกบนศีรษะถึงกับเอียงไปข้าง นางฝืนกลั้นความเจ็บ รีบจัดหมวกให้เข้าที่ พลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าวิปลาสรึ ข้าก็มิใช่มือสังหาร เพียงแค่จะถามทางเท่านั้น ถึงกับต้องลงไม้ลงมือเลยหรือ โอ๊ย…เอวข้า” ชายผู้นั้นหันหน้ามาเต็ม ๆ ครั้นอินชิงเสวียนเห็นรูปลักษณ์ของเขาชัดเจน นางถึงกับอ้าปากกว้าง โอ้โห! หล่อเหลือเกิน! บุรุษตรงหน้าดูราววัยยี่สิบกว่า อาภรณ์นักรบสีดำขับให้บ่าไหล่ดูกว้าง เอวสอบได้รูป รูปร่างสูงเพรียวสง่างาม หากอยู่ในยุคปัจจุบัน คงมีร่างแบบนายแบบอย่างแน่นอน ใบหน้าของเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ สันจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ โครงหน้าคมคายราวกับถูกสลักเสลาโดยมีดสกัดและสิ่ว เขาหรี่ดวงตาคมปลาบจ้องมองอินชิงเสวียน ทุกอิริยาบถล้วนแฝงไว้ด้วยเสน่ห์ลึกลับ น่าเกรงขาม และให้ความรู้สึกเย็นชาในแบบที่กำลังเป็นที่นิยม “บังอาจนัก เจ้ามาจากตำหนักใด?” เสียงทุ้มต่ำหลุดออกจากริมฝีปากของเขา เพียงเท่านั้นก็ทำให้อินชิงเสวียนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ในทันที
บทก่อนหน้า
บทต่อไป
ตั้งค่า
ประวัติการอ่าน
ขนาดตัวอักษร
-18
ปลดล็อกบทถัดไปโดยอัตโนมัติ
สารบัญ
ตอนที่ 1 ข้ามภพมาเป็นมารดา
ตอนที่ 2 พระสนมดูประหลาด
ตอนที่ 3 น้ำพุทิพย์วิเศษ
ตอนที่ 4 เสี่ยวโก่วตั้น
ตอนที่ 5 ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 6 เลี้ยงลูกและก่อกบฏ
ตอนที่ 7 หนทางสร้างรายได้
ตอนที่ 8 อย่าปล่อยให้เขาอยู่ดีมีสุข
ตอนที่ 9 เจ้าวิปลาสรึ
ตอนที่ 10 แสวงหาทางออกด้วยตนเอง
ตอนที่ 11 พวกเรามาทำการค้าด้วยกันเถิด
ตอนที่ 12 หวาเซี่ยอยู่แห่งหนใด?
app
ตอนที่ 13 ชิ้นละหนึ่งพันตำลึง
app
ตอนที่ 14 นี่คือสินน้ำใจของท่าน
app
ตอนที่ 15 เสริมแคลเซียม
app
ตอนที่ 16 ผู้ใดรังแกเจ้า?
app
ตอนที่ 17 น้ำใต้หลั่งเหนือ
app
ตอนที่ 18 กำแพงมีหู ประตูมีช่อง
app
ตอนที่ 19 ยิ่งนานวันก็ยิ่งคล้ายฮ่องเต้
app
ตอนที่ 20 น่าเสียดาย
app
ตอนที่ 21
app
ตอนที่ 22
app
ตอนที่ 23
app
ตอนที่ 24
app
ตอนที่ 25
app
ตอนที่ 26
app
ตอนที่ 27
app
ตอนที่ 28
app
ตอนที่ 29
app
ตอนที่ 30
app
เพิ่มในชั้นวางหนังสือ
ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
บทก่อนหน้า
บทต่อไป
ผู้ใช้พึงรู้
ข้อตกลงของผู้ใช้
นโยบายความเป็นส่วนตัว
ทรัพยากร
ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
ไปเริ่มเขียน
ติดตามพวกเรา
Facebook
Instagram
Twitter
ติดต่อเรา
service@joyread.com
business@joyread.com
editor@hopwriter.com
DMCA
FINLINKER TECHNOLOGY LIMITED
69 ABERDEEN AVENUE CAMBRIDGE ENGLAND CB2 8DL
ลิขสิทธิ์ © Joyread สงวนลิขสิทธิ์