ตอนที่ 5 จมูกดี

“จมูกคุณยังดีที่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน”ดร.อธิปัตย์หยอกเล่นเมื่อเห็นเขายกกาแฟขึ้นจิบแล้ว “ดูไม่ออกว่าร่างกายคุณแย่ลงจนแจ้นมาหาผมถึงมหา’ลัยแบบนี้” “มันไม่ได้แย่ลง”เขาโคลงศีรษะอย่างเบื่อหน่าย “มันเหมือนมีบางสิ่งที่มีอำนาจเหนือผมพยายามควบคุมผมอยู่” “จะเป็นไปได้ยังไง” คราวนี้ดร.อธิปัตย์ทำหน้าเครียด“พวกมันอาจจะได้กลิ่นคุณจากตัวผมก็ได้”“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ฌานครางในลำคออ่างอับจนถ้อยคำจะอธิบายและเพราะเหตุนี้ทำให้เขาต้องเดินทางหลายร้อยกิโลเมตรจากไร่เล็กๆ ในจังหวัดอุบลราชธานีมาถึงกรุงเทพฯ เพียงเพราะอาการแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในตัวเขา “โอเค.เพราะแบบนี้คุณถึงมาหาผม” ดร.อธิปัตย์วางนิ้วบนคีย์บอร์ดแล้วปิดโน้ตบุ๊ก “ถ้าคุณอธิบายได้ก็คงแค่ส่งตัวอย่างเลือดมาให้ผมทางไปรษณีย์” ฌานหัวเราะในลำคอแล้วลุกขึ้นช่วยดร.อธิปัตย์เก็บเอกสารบนโต๊ะมือหนึ่งของดร.มีแก้วกาแฟกระดาษในมือและหนีบเอกสารไว้ในซอกแขน ในขณะที่หนุ่มใหญ่หน้าตาไปทางยุโรปช่วยหิ้วโน้ตบุ๊กให้เดินกลับเข้าในมหาวิทยาลัยอีกครั้ง “คืนนี้ดร.ไม่กลับหรือครับ” รปภ.ที่เฝ้าหน้าตึกเอ่ยทักทายอย่างคุ้นเคย “อยากกลับเหมือนกันแต่มีงานด่วน” เขายิ้มแล้วเสียบบัตรผ่าน “นี่เพื่อนผมเองเขาจะมาสร้างความวุ่นวายให้ผม” รปภ.หัวเราะกับคำพูดของดร.อธิปัตย์ซึ่งเขามักสนิทสนมกับคนทั่วไปแบบนี้เสมอๆ ความถือตัวแม้ว่าจะจบจากเมืองนอกหรือได้ดร.มาทำให้เป็นที่รักของคนทั่วไปและในขณะเดียวกันก็ถูกมองว่า ‘เพี้ยน’ นิดๆ ด้วย “ผมแทบจะกินนอนที่ห้องแล็บอยู่แล้ว” ดร.อธิปัตย์พูดปนหัวเราะขณะพาร่างสูงใหญ่ก้าวเดินไปตามทางหินอ่อนที่ทอดตัวสู่ห้องทดลอง “ตอนอยู่อังกฤษดร.ก็เป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากเขาไม่ค่อยยิ้มบ่อยนัก“แต่ก็ไม่ใครยอมให้ผมกินนอนที่แล็บนี่”เสียงดร.อธิปัตย์ครางในลำคอเหมือนจะประท้วง “แต่ก็นั้นแหละไม่อย่างนั้นผมคงไม่เจอคุณ” “ผมเป็นคนช่วยชีวิตดร.นะ” “พวกฮีโร่เค้าจะไม่ทวงบุญคุณกันไม่ใช่เหรอ” มือหนากดรหัสผ่านเข้าห้องทดลอง เขาพยักเพยิดให้ฌานเดินเข้าไปด้านในพร้อมส่งแก้วกาแฟให้ช่วยถือก่อนที่ตัวเองจะหยิบเสื้อกราวนด์มาสวมทับแล้วเดินตามเข้ามานั่งที่โต๊ะทำงานฌานพับแขนเสื้อขึ้นถึงศอกและวางบนโต๊ะดร.อธิปัตย์ฮัมเพลงในลำคอขณะใช้เข็มเจาะท่อนแขนของฌานเพื่อนำตัวอย่างเลือดของชายหนุ่มออกมา “ความอยากอาหารของคุณเป็นปกติไหม”ถามทั้งที่สายตายังวางอยู่ที่เครื่องมือทันสมัยราคาหลายล้านตรงหน้าคอมพิวเตอร์ทำงานอย่างรู้หน้าที่คำนวณค่าต่างๆ ในเม็ดเลือดออกมาเป็นตัวอักษรมากมายวิ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “อาหารแบบไหนล่ะ” ดร.อธิปัตย์เลิกคิ้วแต่ไม่ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ “ผมต้องถามคุณใช่ไหมว่ากระหายเลือดแค่ไหน” “อาจจะต้องเพิ่มว่า ‘กระหายเลือดมนุษย์’ แค่ไหน”เขาเสริม “ถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้หรือเปล่า” “มันกำลังจะเป็นอย่างนั้น” ดร.อธิปัตย์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วโคลงศีรษะไปมา “ทุกอย่างยังปกติอยู่ แต่ผมจะทดสอบเผื่อว่าร่างกายคุณจะดื้อยาของผมและมันคงไม่เสร็จภายในห้านาทีหรอก” “มีอะไรก็พูดมาเถอะครับผมขี้เกียจอ่านใจดร.” “ถ้าผมมีความสามารถพิเศษอย่างคุณ ผมจะไม่’ขี้เกียจ’ หรอก”ดร.อธิปัตย์หันมายิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง “ขอเจาะเลือดคุณอีกหน่อยแล้วก็ทดสอบตัวยากับเชื้อบ้าพวกนี้ด้วย” “ผมไม่ใช่หนูลองยานะดร.” เขาประท้วงแต่ก็ยินยอมให้เข็มแหลมทิ่มแทงอีกครั้งแต่ปริมาณของเลือดมากกว่าเดิม ดร.อธิปัตย์รู้สึกถึงชีพจรที่เต้นแรงของอีกฝ่ายจนต้องเงยหน้าจากท่อนแขนแข็งแกร่งของชายหนุ่มดวงตาหลังแว่นกันแดดสีชาเหมือนจะเปล่งประกาย มันอาจเป็นความรู้สึกที่อุปทานไปเองว่าเลือดในหลอดแก้วเต้นระริกรับคลื่นสัมผัสรุนแรง ร่างของดร.ถึงกับผงะถอยหลังไปครึ่งก้าวเขาปรายตาไปยังแก้วกาแฟกระดาษที่สั่นราวกับมีมือคนจับให้มันเขย่าขึ้นลงจนเสียงดังกึกกัก หลอดแก้วทดลองกระทบกันจนเกิดเสียงดังและตามมาด้วยเสียกระจกสั่นสะเทือน “ฌาน!” ฌานสะดุ้งเหมือนตื่นจากภวังค์แล้วทุกสิ่งรอบตัวก็สงบนิ่งกลับคืนสู่สภาวะปกติมีแต่ใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยเหงื่อดร.อธิปัตย์แตะไหล่เขาเบาๆ พลางถอนหายใจหนักๆ “ผมรู้สึกเหมือน ‘มัน’กำลังเรียกผมอยู่” เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อ “คุณรู้ตัวเองหรือเปล่า มีสติไหม” “รู้แต่เหมือน ‘มัน’ พยายามจะควบคุมผมอยู่” “ไม่น่าเชื่อ” ดร.อธิปัตย์ส่ายหน้าไปมา “คุณอยู่ไกลเกินกว่าที่เขาจะควบคุมคุณได้ ตลอดสามปีที่คุณอยู่เมืองไทยทุกอย่างมันก็สงบเรียบร้อยมาตลอด” “มันก็ไม่ได้สงบนักหรอก”เขายกมือขึ้นกุมขมับ “แต่มันก็ควบคุมได้” “อย่าบอกนะว่าข่าวประหลาดๆ ในหนังสือพิมพ์นั่นเป็นฝีมือของคุณ!” “ข่าวอะไร” ฌานเลิกคิ้วอย่างฉงน “ก็พบศพนิรนามตายประหลาดเลือดหมดตัวนะซิ”ดร.อธิปัตย์รีบลุกขึ้นไปหยิบแฟ้มเอกสานที่เขาตัดข่าวเก็บไว้ส่งให้ฌานดู “คุณจำอะไรได้บ้างหรือเปล่า” “ไม่ใช่ผมนี่”เขาขมวดคิ้วยุ่งแล้วเพ่งอ่านข่าวกรอบเล็กๆ ที่ไม่มีแม้กระทั้งรูปภาพ “ชานเมืองกรุงเทพฯ แต่ผมไม่ได้เข้ากรุงเทพฯ หลายเดือนแล้วนะ” “ในระยะสามเดือนนี่พบสองศพที่มีลักษณะเดียวกัน แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าเป็นคุณหรอก” “ทำไมดร.เชื่อใจผมขนาดนั้นละ” “ก็ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จริงก็คงแจ้นมาหาแบบนี้ตั้งแต่สามเดือนที่แล้วไง” “ผมไม่เคยอ่านข่าวพวกนี้เลย”เขาพึมพำออกมา “มันแค่ข่าวกรอบเล็กๆ เท่านั้น”ดร.ยื่นมือมาหยิบหนังสือพิมพ์เก็บเข้าที่ “แต่ประสาทสัมผัสของคุณไวมากถ้าเรื่องพวกนี้เกี่ยวกับคุณจริงคุณต้องรู้สึกอะไรบ้างแล้วละ” “ก็ตอนนี้แหละที่ผมเริ่มรู้สึกไงละ”ฌานรู้สึกว่านอกจากดร.อธิปัตย์แล้วเขาแทบไม่ค่อยได้พูดจากับใครแบบนี้นักจะว่าไปวันๆ หนึ่งเขาแทบไม่ได้เอ่ยปากพูดกับใครเลยด้วยซ้ำ “สภาพคุณตอนนี้เหมือนคนติดเหล้ายังไงไม่รู้”ดร.อธิปัตย์หัวเราะในลำคอพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่คิด“คุณกลับไปพักที่คอนโดผมก่อนดีกว่า เดี๋ยวเสร็จตรงนี้แล้วผมจะตามคุณไป” สายตาที่ฌานมองมาเหมือนมีคำถามแต่ดร.โบกมือไปมาเหมือนไล่แมลงวันที่น่ารำคาญ “ผมชอบทำงานคนเดียวจะได้ใช้ความคิดได้มากหน่อย นี่กุญแจห้องผมคงไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าอยู่ที่ไหนแค่วันนี้คุณยังดมกลิ่นผมได้” “ถ้าเรื่องดมกลิ่นมันต้องพวกวูลฟ์แต่แค่เรื่องง่ายๆ ที่ แวมไพร์ทุกตนทำได้” ดร.อธิปัตย์หัวเราะชอบใจแล้วเดินไปหยิบคีย์การ์ดของที่พักส่งให้เขา“แต่สำหรับผมคุณคือซูปเปอร์ฮีโร่เลยล่ะ” “คงมีไม่กี่คนหรอกที่คิดแบบดร.”เขาหัวเราะอารมณ์ดีขึ้นแล้วรับคีย์การ์ดมาใส่ในกระเป๋าเสื้อ อร.อธิปัตย์มองดูนาฬิกาข้อมือของตนเอง“ผมอาจจะกลับเช้าคุณก็ใช้ห้องผมได้ตามสบายแต่อย่าทำมันรกละ” “ผมว่ามันคงไม่รกกว่าที่มันควรจะเป็นหรอก”ฌานเดินออกมาที่ประตูแล้วก็ถูกเรียกไว้ก่อนชามองด้วยหางตาก็ยกมือรับวัตถุที่โยนข้ามอากาศมาได้พอเหมาะเขาพลิกมือดูก็เห็นพวกกุญแจรถยนต์ “เอารถผมไปเถอะ อย่าทำตัวเป็นแบคแมนเลย” “ผมทำแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว” ฌานส่ายหน้าแล้วหัวเราะในลำคอขณะเดินออกมาจากห้องทดลองกลับออกมาทางเดิมรปภ.คนเดิมเปิดประตูให้และทักทายเหมือนตอนขาเข้า “ให้ผมกางร่มไปส่งไหมครับ” “ไม่เป็นไร ผมชอบฝน” ฌานยิ้มขอบคุณและเดินมาที่ลานจอดรถมือใหญ่กดปุ่มบนพวงกุญแจรถเสียงดัง ปิ๊ปๆ กับไฟกระพริบหน้ารถทำให้เขารู้จุดที่รถจอดแม้ว่าเขาอาจจะใช้ ‘สัญชาตญาณ’ นำทางก็ได้ สายฝนที่โปรยปรายลงมาสะท้อนกับแสงไฟจากแสงสีส้มของโคมไฟเป็นประกายระยิบระยับเขาชอบสายฝนยิ่งนักอาจเพราะมันช่วยพรางกลิ่นกายของเขาจากศัตรูได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันให้ความรู้สึกที่ชุมชื้นแม้จะไม่ส่งถึงหัวใจที่แห้งผากของเขาก็ตามที มือใหญ่ขยับจับกระจกส่องหลังเห็นใบหน้าของตนเองแล้วก็เผลอยิ้มที่มุมปาก ผ่านมานานกว่าสามปีแต่รสชาติที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากยังคงหวานระเรื่อให้คิดคำนึงอยู่เสมอ หญิงสาวเพียงคนเดียวที่เติบเต็มส่วนที่ขาดหายในชีวิตของเขา ไม่เจอกันสามปีไม่รู้ว่าป่านนี้ยังคง ‘ฝัน’ ถึงเขาอยู่หรือเปล่านะ
ตั้งค่า
ประวัติการอ่าน
ขนาดตัวอักษร
-18
ปลดล็อกบทถัดไปโดยอัตโนมัติ
สารบัญ
ตอนที่ 1 จุดเริ่มค้น ตอนที่ 2 นักข่าวสาว ตอนที่ 3 ดาราสาว ตอนที่ 4 มาแล้วเหรอ ตอนที่ 5 จมูกดี ตอนที่ 6 ให้กำลังใจตัวเอง ตอนที่ 7 ข่าว ตอนที่ 8 คุณว่าอะไรนะคะ ตอนที่ 9 กรุงเทพฯ 33 ปีที่แล้ว ตอนที่ 10 แด่ลูกแกะตัวที่ 5 ตอนที่ 11 ละอาย ตอนที่ 12 อย่ามาเชื่อใจผม appตอนที่ 13 ซวยแล้ว appตอนที่ 14 มาทำอะไรที่นี่ appตอนที่ 15 ภาพร่างของความรู้สึก appตอนที่ 16 ความรักอย่างเดียวไม่พอ appตอนที่ 17 ไร่ชงคา appตอนที่ 18 ไม่ถนัดจะปลอบขวัญใครเสียด้วย appตอนที่ 19 นี่มันพระเอกในนิยายชัดๆ appตอนที่ 20 อาหารเช้า appตอนที่ 21 น่าอิจฉา appตอนที่ 22 คุณเชื่อเรื่อง Destiny…ไหมครับ appตอนที่ 23 เลือดของเธอกำลังเรียกปีศาจในตัวเขา appตอนที่ 24 บ้าจริง!ไปคิดถึงเขาทำไม appตอนที่ 25 อย่าดื้อ appตอนที่ 26 คุณเรียกผม appตอนที่ 27 คำก็เพื่อนสองคำก็เพื่อน appตอนที่ 28 เสียงที่คุ้นเคย appตอนที่ 29 กระหาย appตอนที่ 30 เมื่อคืนคุณจูบฉันหรือเปล่า appตอนที่ 31 กลิ่นความชั่วร้าย appตอนที่ 32 พายุกระหน่ำ appตอนที่ 33 ปลุกให้ตื่นจากความฝันที appตอนที่ 34 คิดอะไรอยู่ appตอนที่ 35 ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ appตอนที่ 36 ในความทรงจำ appตอนที่ 37 ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง appตอนที่ 38 เหมือนคนที่เคยรู้จัก appตอนที่ 39 ผู้หญิงคนนั้น appตอนที่ 40 ข่มความตื่นเต้น appตอนที่ 41 เจ็บไม่นาน appตอนที่ 42 จะมีเรื่องอะไรอีก appตอนที่ 43 มาทำอะไรในห้องของข้า appตอนที่ 44 ข่มอารมณ์ appตอนที่ 45 อย่าไป appตอนที่ 46 หมดสติ appตอนที่ 47 ผู้หญิงของฌาน appตอนที่ 48 จบ app
เพิ่มในชั้นวางหนังสือ
ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
Joyread
บทก่อนหน้า บทต่อไป
ทรัพยากร
ติดตามพวกเรา
Joyread
UNION READ LIMITED
Room 1607, Tower 3, Phase 1 Enterprise Square 9 Sheung Yuet Road Kowloon Bay Hong Kong
ลิขสิทธิ์ © Joyread สงวนลิขสิทธิ์