ตอนที่ 9 กรุงเทพฯ 33 ปีที่แล้ว

ดร.อธิปัตย์เงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์เมื่อกระดาษออกมาจากเครื่องปริ๊ตเรียบร้อยมือหนาก็หยิบออกมาอ่านดูอีกครั้งก่อนใช้ดินสอวงกลมจุดสำคัญไว้แล้วพับใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต “อยู่จนเช้าอีกแล้ว” ดร.หนุ่มวัยสี่สิบห้าบ่นอุบอิบแล้วลุกขึ้นยืน “โชคดีวันนี้ไม่มีสอน ไม่งั้นไม่ได้อาบน้ำอีกแหงๆ” ชายหนุ่มผมสีดอกเลาหยิบหูโทรศัพท์ต่อสายถึง รปภ.อย่างคุ้นเคย “เรียกรถแท็กซี่ให้ผมหน่อยซิ ผมอยากกลับบ้านแล้ว” “อ้าว! แล้วรถของดร.ละครับ” “ผมให้เพื่อนยืมไปใช้” ดร.ถอนหายใจกับความสอดรู้สอดเห็นของรปภ. “ไม่เกินสิบนาทีผมจะลงไป และหวังว่าจะมีรถมารอผมแล้ว” ชายหนุ่มขยับปลดเนกไทออกแล้วหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊กออกมาจากห้องวิจัยลิฟต์เคลื่อนมาพอดีทำให้เขาไม่ต้องรอนานปกติเขาไม่ค่อยใช้ลิฟต์ขาลงเท่าไหร่นักเขาชอบเดินลงบันไดและคิดอะไรไปเรื่อยๆ แต่วันนี้เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรแบบนั้นท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้วความวุ่นวายของระบบการจราจรในเมืองหลวงเริ่มต้นขึ้นถ้าไม่ติดว่ามีคนคอยอยู่ที่คอนโดเขาคงหลับสักงีบแล้วรอให้สายหน่อยค่อยกลับที่พักเมื่อออกมาจากลิฟต์ก็พบแท็กซี่คันหนึ่งจอดรออยู่แล้ว เขาผิวปากออกมานึกชม รปภ.อยู่ใน ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งนึก ‘ด่า’ ความสอดรู้สอดเห็นของรปภ. คนนี้มนุษย์เราดื่มกินความอยากรู้เรื่องของผู้อื่นราวกับอาหารว่างนั่นเป็นเรื่องที่เขาทำใจมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ “ขอบใจ” ดร.อธิปัตย์เอ่ยเมื่อ รปภ. คนเดิมวิ่งมาเปิดประตูรถให้เขาขึ้น เขาบอกจุดหมายปลายทางย้ำอีกครั้งเอนหลังพิงเบาะรถแล้วหลับตาลง ชายหนุ่มรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของรถยนต์ เขาไม่ได้ง่วงนอนนักแต่เพราะไม่อยากสนทนากับชายหนุ่มหน้าโหดผู้ควบคุมพวงมาลัยรถอยู่เขาเรียนรู้ว่าการแสร้งหลับเป็นการตัดบทสนทนาอย่างมีมารยาท เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมคนขับแท็กซี่ถึงได้ชวนผู้โดยสารคุยเก่งเสียทุกคนตั้งแต่เรื่องการเมือง,เศรษฐกิจ,สภาพดินฟ้าอากาศหรือตลาดหุ้น แต่ที่บ่อยที่สุดคือความอยากรู้อยากเห็นว่าผู้โดยสารเป็นใครแต่ก็เพราะความอยากรู้อยากเห็นไม่ใช่เหรอเขาถึงได้มาเป็น ดร.อย่างทุกวันนี้ ดร.อธิปัตย์หัวเราะเบาๆ ในลำคอทั้งที่หลับตาอยู่เขาเคยชินกับความอยากรู้อยากเห็นที่คนอื่นมาต่อเขามาตั้งแต่ 6 หรือ 7 ขวบได้ เขาเป็นเด็กชายที่ใครต่อใครเรียกเขาว่า เด็กอัจฉริยะ มันน่าตลกตรงที่เขาในวัยเด็กออกจะแปลกใจว่าทำไมไม่ค่อยมีใครเรียกชื่อเขา แต่เรียกเขาว่าเด็กอัจฉริยะจนเขาเผลอคิดไปแล้วว่าเป็นชื่อของเขาเอง ตอนนั้นเขาก็ไม่รู้หรอกว่าการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัยได้เป็นเรื่องที่ชวนตื่นเต้น เขารู้แค่ว่าเขาจะขนมของกินเป็นของรางวัลถ้าทำโจทย์คณิตศาสตร์หรือทำสูตรฟิสิกส์ได้ได้และต่อมาก็มีใครต่อใครมาพาเขาเดินทางไปโน้นนี่นั้น! เด็กกำพร้าอย่างเขาไม่มีความจำเป็นต้องคิดอะไรมากมายแค่มีที่ซุกหัวนอนมีข้าวให้กินอิ่มทุกมื้อก็แสนวิเศษแล้วจนเมื่อเขาอายุ 12 ปีมีครอบครัวมหาเศรษฐีที่มีภรรยาเป็นชาวไทยรับอุปการะเขาอย่างเป็นทางการบุญคุณที่เขาต้องระลึกอยู่เสมอตอบแทนด้วยการทำโครงการวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับพันธุ์กรรมและเลือดพ่อบุญธรรมหรือผู้มีพระคุณของเขาเป็นโรคประหลาดไม่สามารถให้ผิวกายสัมผัสแสงอาทิตย์ได้เลย เขาจะเจอท่านแค่หลังพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น “รถติดมากเลยครับ”เสียงคนขับแท็กซี่เอ่ยอย่างเกรงใจทำให้ดร.หรี่ตาขึ้นแต่ไม่ขยับตัว “จะให้ผมลงเดินหรือ?” “เปล่าครับ ผมถามความสมัครใจของผู้โดยสารเผื่อว่าจะไปใช้เส้นทางอื่นอย่างรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน” “ไม่เป็นไร ผมไม่รีบมากและอีกอย่างบ้านผมไม่มีทั้งรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินผ่านหรอกนะ ถ้าไม่ว่าอะไรผมขอหลับรำลึกความหลังหน่อยนะ” “อ่า...ครับๆ” คนขับแท็กซี่มองผู้โดยสารผ่านกระจกส่องหลังแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ เขาเอนหลังพิงเบาะหลับไปแล้วเอาเถอะ! มีปัญญาจ่าค่าโดยสารก็พอแล้ว ................... กรุงเทพฯ 33 ปีที่แล้ว บนยอดตึกที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในมหานครใหญ่ ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยสีดำกำมะหยี่แต่สายลมแรงดุจจะก่อให้เกิดพายุฝนใหญ่ แสงฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ไกลๆ แต่ก็พอทำให้เห็นร่างเป็นเงาตะคุ่มๆ ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของตึก สายลมพัดแรงจนเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมใส่ปลิวสะบัดในสายลม เท้าเปลือยเปล่าก้าวมายืนอยู่สุดขอบ มือสองข้างยื่นไปตรงหน้าคล้ายไขว่คว้าบางสิ่งที่โหยหาทั้งชีวิตในความว่างเปล่าของอากาศแต่กลับจุดรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาคล้ายได้พบในสิ่งที่ต้องการ แม้เปลือกตาจะปิดและจะเป็นการปิดตลอดไปเมื่อร่างของเขาทิ้งตัวร่วงราวกับใบไม้ถูกสายลมปลิวขั้ว พริบตาเดียว! สีแดงสดที่จิตกรใดก็ผสมสีให้งดงามเท่าสีเลือดไม่ได้ก็สาดกระจายเต็มถนนบนวิถีทางที่ใครต่อใครเคยเหยียบย่ำ “…ข้าแต่พระเจ้า ของทรงพระเมตตาข้าพระองค์ด้วย พระกรุณาของพระองค์ ขอทรงลบล้างความผิดของข้าพระองค์ ขอทรงชำระล้างข้าพระองค์จากความอธรรมให้หมดสิ้นไป และทรงชำระความผิดบาปให้หมดมลทิน…” บทสวดคำอธิษฐานเพื่อให้กลับใจเสียใหม่ยังไม่ทันจบดีนักคนหนุ่มร่างสูงโปร่งก็ลดกล้องส่องทางไกลลงจากจุดที่เขายืนอยู่ห่างไกลร่างของคนที่เคยยืนอยู่บนยอดตึกเมื่อครู่และเขาเองก็รู้ว่าก่อนร่างจะร่วงดิ่งลงมานั้นเขากำลังสวดอธิษฐานบทเดียวกับชายผู้นั้นแม้มันจะไม่จบบทก็ตาม… เสียงไซเรนตำรวจและรถพยาบาลดังขึ้นกรีดกลางคืนไม่ให้เงียบสงบปลุกคนที่นั่งอ่านตำราแพทย์เล่มหนาริมหน้าต่างนั้นสะดุ้ง อธิปัตย์วางหนังสือเล่มนั้นแล้วขยับผ้าม่านลูกไม้ฝรั่งเศสแง้มออกดูที่ถนนหน้าบ้านผ่านสนามหน้ากว้างราวกับสนามฟุตบอลรู้สึกสังหรณ์ใจอยู่ลึกๆ แต่เขาก็ขยับแว่นสายตาให้กระชับใบหน้าเดินกลับมานั่งที่เก่า ตั้งใจจะล้มตัวลงนอนแต่มือกลับค้นเอาสร้อยเงินเส้นหนึ่งที่ห้อยจี้เล็กๆสีเงินเป็นแผ่นบางๆเริ่มเก่าตามกาลเวลาสลักหลังคำว่า ลูกแกตัวที่ ความทรงจำเก่าๆ เริ่มแทรกเข้ามาในความคิด แต่เพียงภาพรางๆปรากฏ เขาก็สะบัดศีรษะไล่ความคิดนั้นแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มที่วัยเด็กเขาไม่เคยได้สัมผัส …… “รู้สึกว่ามีคนฆ่าตัวตายกันเยอะนะช่วงนี้” ประโยคคำถามนั่นทำเอานายตำรวจหนุ่มยิ้มเจื่อนๆแทนคำตอบ เพราะเขาเองก็หัวหมุนกับคดีแบบนี้เยอะแม้ว่าเพิ่งจะย้ายมารับหน้าที่ในพื้นที่นี้ได้เพียงแค่สองสัปดาห์ก็ตาม “พักผ่อนบ้างนะทศ”เสียงเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่เอ่ยขึ้นแล้วตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ แล้วสายตาของเขาก็เหลือบขึ้นมองไปทางเด็กชายวัยสิบสองที่กำลังเดินเข้ามา “อ้าวมานูเอล!กลับมาแล้วรึ”ผู้เป็นพ่อทักทันทีที่ร่างผอมบางเดินถือตำราหลายเล่มเข้ามาในบ้าน อธิปัตย์ หรือ มานูเอล เพียงแค่ยิ้มบางๆ แล้วขยับแว่นสายตากรอบหนาสีดำสนิทให้กระชับใบหน้า ก้มศีรษะให้ชายหนุ่มนิดหนึ่งพอเป็นมารยาทเขาเคยเจอกันอยู่ไม่กี่ครั้งแต่ก็ถูกแนะนำว่า ทศมีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ซึ่งเป็นนายตำรวจร่างผอมทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่กลางห้องรับแขก เด็กชายไม่ค่อยชอบชื่อใหม่ของตัวเองนักหรอกเพราะอดคิดไปถึงบรรดาอาบอบนวดในกรุงเทพฯ ไม่ได้แต่เขาก็ไม่อยากมีปัญหาของผู้อุปการะเขาชีวิตเด็กกำพร้าที่อดมื้อกินมื้อมาตลอดทำให้เขาไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้ให้รกสมองนักที่สำคัญหลังจากจัดการเรื่องเอกสารต่างๆเสร็จเขากำลังจะย้ายไปอยู่ลอนดอนในอีกไม่กี่เดือนแล้ว เขากำลังจะฝั่งอดีตของตัวเองไว้ที่นี่เพื่อไปเริ่มชีวิตใหม่ในประเทศใหม่เสียที!!! “เพิ่งกลับมากห้องวิจัยเหรอ” ทศเอ่ยถามลูกบุญธรรมของถามพลางเก็บรูปถ่ายจากคดีคนที่โดดตึกฝั่งตรงข้ามกับคฤหาสน์ใหญ่เมื่อคืนเก็บเข้าแฟ้ม
ตั้งค่า
ประวัติการอ่าน
ขนาดตัวอักษร
-18
ปลดล็อกบทถัดไปโดยอัตโนมัติ
สารบัญ
ตอนที่ 1 จุดเริ่มค้น ตอนที่ 2 นักข่าวสาว ตอนที่ 3 ดาราสาว ตอนที่ 4 มาแล้วเหรอ ตอนที่ 5 จมูกดี ตอนที่ 6 ให้กำลังใจตัวเอง ตอนที่ 7 ข่าว ตอนที่ 8 คุณว่าอะไรนะคะ ตอนที่ 9 กรุงเทพฯ 33 ปีที่แล้ว ตอนที่ 10 แด่ลูกแกะตัวที่ 5 ตอนที่ 11 ละอาย ตอนที่ 12 อย่ามาเชื่อใจผม appตอนที่ 13 ซวยแล้ว appตอนที่ 14 มาทำอะไรที่นี่ appตอนที่ 15 ภาพร่างของความรู้สึก appตอนที่ 16 ความรักอย่างเดียวไม่พอ appตอนที่ 17 ไร่ชงคา appตอนที่ 18 ไม่ถนัดจะปลอบขวัญใครเสียด้วย appตอนที่ 19 นี่มันพระเอกในนิยายชัดๆ appตอนที่ 20 อาหารเช้า appตอนที่ 21 น่าอิจฉา appตอนที่ 22 คุณเชื่อเรื่อง Destiny…ไหมครับ appตอนที่ 23 เลือดของเธอกำลังเรียกปีศาจในตัวเขา appตอนที่ 24 บ้าจริง!ไปคิดถึงเขาทำไม appตอนที่ 25 อย่าดื้อ appตอนที่ 26 คุณเรียกผม appตอนที่ 27 คำก็เพื่อนสองคำก็เพื่อน appตอนที่ 28 เสียงที่คุ้นเคย appตอนที่ 29 กระหาย appตอนที่ 30 เมื่อคืนคุณจูบฉันหรือเปล่า appตอนที่ 31 กลิ่นความชั่วร้าย appตอนที่ 32 พายุกระหน่ำ appตอนที่ 33 ปลุกให้ตื่นจากความฝันที appตอนที่ 34 คิดอะไรอยู่ appตอนที่ 35 ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ appตอนที่ 36 ในความทรงจำ appตอนที่ 37 ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง appตอนที่ 38 เหมือนคนที่เคยรู้จัก appตอนที่ 39 ผู้หญิงคนนั้น appตอนที่ 40 ข่มความตื่นเต้น appตอนที่ 41 เจ็บไม่นาน appตอนที่ 42 จะมีเรื่องอะไรอีก appตอนที่ 43 มาทำอะไรในห้องของข้า appตอนที่ 44 ข่มอารมณ์ appตอนที่ 45 อย่าไป appตอนที่ 46 หมดสติ appตอนที่ 47 ผู้หญิงของฌาน appตอนที่ 48 จบ app
เพิ่มในชั้นวางหนังสือ
ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
Joyread
บทก่อนหน้า บทต่อไป
ทรัพยากร
ติดตามพวกเรา
Joyread
UNION READ LIMITED
Room 1607, Tower 3, Phase 1 Enterprise Square 9 Sheung Yuet Road Kowloon Bay Hong Kong
ลิขสิทธิ์ © Joyread สงวนลิขสิทธิ์