ตอนที่ 1 ความสิ้นหวัง
“พี่สาวของคุณเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้เตรียมเงิน 7,500 เหรียญสำหรับการทำเคมีบำบัดมาด้วย ไม่อย่างนั้นก็พาพี่กลับบ้านไปเตรียมตัวจัดงานศพได้เลย”
คำพูดของหมอแทงลึกเข้าไปในหัวใจของ ดเวย์น ชอว์ ราวกับเข็มแหลม
เขาทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดหนทาง ขณะกำเหรียญในมือไว้แน่น มันเป็นเงิน 4 เหรียญสุดท้ายของเขาแล้ว
การร้องไห้คงช่วยให้รู้สึกโล่งขึ้นบ้าง แต่ความสิ้นหวังทำให้เขาชาไปหมดแล้ว
ดเวย์นเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เล็ก แคลร์ ชอว์ พี่สาวของเขาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่
เพื่อให้เขาได้เรียนต่อ แคลร์ยอมละทิ้งการเรียนและย้ายเข้ามาทำงานในเมือง
ปีที่แล้ว เธอหมดสติจากการทำงานหนักเกินไปและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และตอนนั้นนั่นเองที่เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ดังคำโบราณว่า “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” หลังจากเธอได้รับการวินิจฉัยไม่นาน ดเวย์นก็ถูกทำร้ายและได้รับบาดเจ็บสาหัสที่มือขวาจนกระดูกแตกละเอียด แม้จะฟื้นตัวได้ในภายหลัง แต่การบาดเจ็บนั้นก็ยังทิ้งผลกระทบถาวรไว้ แม้แต่จับส้อมเขาก็แทบจะทำไม่ได้เลย
ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็ถูกเลือกปฏิบัติอยู่เสมอ ไม่มีใครยอมจ้างเขาทำงานแม้จะเป็นงานที่ต่ำต้อยที่สุดก็ตาม
สุดท้าย มีคนเสนอข้อตกลงให้เขาแต่งงานเข้าตระกูลลินน์โดยเป็นลูกเขยที่อาศัยอยู่ในบ้านฝ่ายหญิงเป็นเวลาหนึ่งปี
ลือกันว่าตระกูลลินน์กำลังประสบเคราะห์ร้าย และกำลังต้องการจัดพิธีแต่งงานเพื่อขับไล่โชคร้าย
และด้วยพื้นดวงของดเวย์นที่ถูกมองว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง ทำให้เขากลายเป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุด
แต่ตระกูลลินน์กลับดูถูกเขาราวกับเศษสวะ และเงิน 75,000 เหรียญที่เขาได้รับมาจากการกล้ำกลืนศักดิ์ศรีของตัวเองก็ถูกใช้ไปกับค่ารักษาของแคลร์จนหมด
ค่าใช้จ่ายที่ไม่รู้จักจบสิ้นโถมเข้ามาเป็นภาระหนักจนเขาแทบหายใจไม่ออก
ไม่นานมานี้ เขาต้องไปกู้เงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบเพื่อหาเงินมา แต่ยังไม่ทันหายใจได้ทั่วท้อง ก็ต้องหาเงินมาอีก 7,500 เหรียญเพื่อรักษาแคลร์อีกรอบ
เขาพยายามมาทุกทางแล้ว จนตอนนี้ก็มืดแปดด้านไปหมดไม่รู้ว่าจะทำไปหาเงินมาจากไหน แต่ที่แคลร์ต้องมาล้มป่วยด้วยโรคนี้ ก็เป็นผลมาจากการที่เธอเสียสละเพื่อเขา เขาจะยืนดูเธอทรมานไปมากกว่านี้ไม่ได้
ดเวย์นกำหมัดแน่นจนมือขวาที่อ่อนแรงนั้นสั่นเล็กน้อยขณะที่เขาพยายามรวบรวมกำลัง “7,500 เหรียญ...” เขาพึมพำ “แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ฉันก็ต้องหามาให้ได้!”
เขาใช้เงิน 3 เหรียญสุดท้ายซื้อนมจากร้านสะดวกซื้อและขอให้พยาบาลช่วยเอาไปให้แคลร์
จากนั้นเขาใช้เงินเหรียญสุดท้ายขึ้นรถโดยสารประจำทาง ไปพบกับ ซาเวียร์ เวลส์ อดีตเพื่อนร่วมห้องและหุ้นส่วนธุรกิจของเขา และเป็นคนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุด
ในอดีต ดเวย์นเคยสอบติดมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าและได้รับทุนพิเศษในปีแรก ด้วยเงินทุนนี้ เขาจึงได้ร่วมก่อตั้งบริษัทกับซาเวียร์
สามปีต่อมา บริษัทเติบโตขึ้นอย่างมาก
แต่เมื่อถึงจุดที่เขาต้องดูแลแคลร์ ดเวย์นก็มอบอำนาจการบริหารให้ซาเวียร์ดูแลแทน ทว่าซาเวียร์กลับสมรู้ร่วมคิดกับคนอื่นเพื่อกำจัดดเวย์นและบีบให้เขาต้องออกจากบริษัท
เมื่อดเวย์นเผชิญหน้ากับเขา สมุนของซาเวียร์ก็เข้ามาทำร้ายและรุมซ้อมเขาในออฟฟิศ
และก็เป็นซาเวียร์นั่นเองที่ใช้แท่งเหล็กทุบมือขวาของดเวย์นจนพิการ
ถ้าดเวย์นมีทางเลือกอื่น เขาคงไม่มีวันลดตัวไปขอยืมเงินจากซาเวียร์
แต่เขาไม่มีทางไหนให้เลือกแล้ว เขาต้องช่วยแคลร์!
ต่อให้ต้องแลกด้วยมืออีกข้าง เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไปขอยืมเงิน 7,500 เหรียญมาให้ได้
ขณะนั้นเอง ชายชราคนหนึ่งขึ้นมาบนรถโดยสารประจำทาง โดยใช้ไม้เท้าพยุงตัวเดินกระโผลกกระเผลกขึ้นมาอย่างลำบาก
รถโดยสารประจำทาง เต็มทุกที่นั่ง และไม่มีใครลุกให้ชายชราผู้นั้นได้นั่งเลย
ดเวย์นลุกขึ้นโดยไม่ลังเลและสละที่นั่งให้ชายชรา
ทันใดนั้น รถโดยสารประจำทาง ก็เหยียบเบรกกะทันหัน ดเวย์นคว้าราวจับด้วยมือขวาโดยสัญชาตญาณ แต่มือของเขาที่อ่อนแรงก็เกือบทำให้เขาล้มลง
“มือก็ยังบาดเจ็บอยู่แท้ๆ แต่ยังสละที่นั่งให้คนแก่อย่างฉันอีกเหรอ?” ชายชราถามขึ้น สายตาเฉียบคมของเขาสังเกตเห็นความผิดปกติทันที
ดเวย์นชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” เขาสลับมือเพื่อประคองตัวเองให้มั่นคง
“จิตใจดีจริงๆ” ชายชรากล่าวชื่นชม
ดเวย์นเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร เขาหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ปล่อยให้ความกังวลถ่วงหัวใจของเขาให้หนักลงกว่าเดิม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ดเวย์นยืนอยู่หน้าทางเข้าบริษัท
ภายใต้แสงแดดที่แผดเผา เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน
ภายในออฟฟิศเต็มไปด้วยผู้คนยี่สิบถึงสามสิบคนกำลังคุยโทรศัพท์กันเสียงดัง บางคนใช้ถ้อยคำหยาบคาย ขณะที่กลิ่นบุหรี่ฉุนจัดอบอวลไปทั่วห้อง
ทันทีที่ดเวย์นก้าวเข้าไปเสียงพูดคุยก็เงียบลง ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน
“อ้าว นั่นคุณชอว์ไม่ใช่เหรอ ลมอะไรหอบมาที่นี่ล่ะ?” ชายร่างสูงผอมผมบลอนด์หวีเสยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน พลางพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าดเวย์น
เลสเตอร์ แคมโปส หนึ่งในสมุนของซาเวียร์
ดเวย์นตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ฉันมาหาซาเวียร์”
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ ให้ฉันแนะนำนายให้ทุกคนรู้จักก่อน” เลสเตอร์โอบแขนรอบคอดเวย์นแล้วหันไปตะโกนลั่นห้อง “เฮ้ ทุกคน ดูนี่สิ! นี่คืออดีตเจ้าของบริษัทเรา ดเวย์น ชอว์ ที่เคยเป็นข่าวเมื่อไม่กี่เดือนก่อนว่าเป็นลูกเขยกาฝากของตระกูลลินน์ไง!”
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นจากรอบห้อง
“ลูกเขยเกาะเมียกิน วันๆ ขัดรองเท้าให้ผู้หญิง ทำอาหาร ล้างห้องน้ำ แย่กว่าคนใช้ซะอีก คิดว่าตัวเองยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่า หรือว่าไอ้นั่นใช้งานไม่ได้แล้ว?”
“เลสเตอร์ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่หน่อยเลย” ดเวย์นพูดเสียงเรียบ
“โอ้ ดูสิว่าตอนนี้มีน้ำโหซะด้วย! งั้นก็บอกมาเถอะว่ามาที่นี่ทำไม?” เลสเตอร์เยาะเย้ย
ดเวย์นกล้ำกลืนศักดิ์ศรีแล้วพูดออกมาเบาๆ “ฉันมาขอยืมเงิน”
“ว่าไงนะ?” เลสเตอร์ได้ยินเต็มสองหู แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน “พูดให้ดังขึ้นสิ ฉันไม่ได้ยินเลย นายต้องการอะไรนะ?”
กลิ่นบุหรี่เหม็นคละคลุ้งจากลมหายใจของเลสเตอร์ทำให้ดเวย์นรู้สึกคลื่นไส้ เขากัดฟันแน่นแล้วกลั้นใจพูดชัดๆ ทีละคำ “ฉันต้องการยืมเงิน”
“หืม? นายมาขอยืมเงินงั้นเหรอ?” เลสเตอร์ทำเสียงโอ้อวดลั่นห้อง “นายเป็นลูกเขยบ้านลินน์ คอยเป็นคนใช้ประจำบ้านบริการพวกเขา แถมยังไม่มีเงินอีกงั้นเหรอ?”
ดเวย์นกล้ำกลืนความอัปยศตอบกลับไป “พี่สาวฉันป่วยหนัก ต้องใช้เงิน 7,500 เหรียญเพื่อเป็นค่ารักษา”
เลสเตอร์ยกมือขึ้นจับข้อมือขวาของดเวย์นที่อ่อนแรง สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม “นายเนี่ยนะ? แค่คนพิการ จะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายคืน? คิดว่าใครที่ไหนจะยอมให้นายเงินยืมกันล่ะ?”
“นี่คือเรื่องคอขาดบาดตายนะ ฉันต้องใช้เงินก้อนนี้จริงๆ” ดเวย์นกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ชีวิตพี่สาวนาย ไม่ใช่พี่ฉันซะหน่อย” เลสเตอร์แค่นเสียงหัวเราะ ก่อนจะถ่มน้ำลายใส่หน้าดเวย์น “นายยังคิดว่าตัวเองยังเป็นคนสำคัญอยู่เหรอ? ตอนนี้นายมันแค่หมาข้างถนนเท่านั้น! ยืมเงินงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!”