หน้าแรก
จัดลำดับ
หมวดหมู่ยอดนิยม
เติมเงิน
ชั้นหนังสือ
ภาษาไทย
ลงทะเบียน
ตอนที่ 6 นายท่านรอง นายท่านรอง
“นายท่านรอง” “นายท่านรอง” บรรดาบ่าวไพร่เฝ้ารอเขาอยู่เนิ่นนานแล้ว ครั้นเห็นนายท่านของพวกเขากลับมาถึง ก็พากันน้อมกายลงคำนับ ลู่จีเฉินโยนบังเหียนอย่างไม่ใส่ใจ พยักหน้าเล็กน้อย "ฮูหยินล่ะ” เขาก้าวเท้าเดินไม่หยุด สีหน้าดูเคร่งขรึม พ่อบ้านรีบเร่งฝีเท้าตามไป "เรียนนายท่านรอง ฮูหยินกำลังต้อนรับแขกอยู่ที่เรือนด้านหน้า ยังไม่เสร็จขอรับ ส่วนนายท่านผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่ากำลังพบแขกผู้มีเกียรติอยู่ขอรับ" ลู่จีเฉินหยุดฝีเท้าที่กำลังมุ่งไปยังเรือนด้านหน้า นางมิเคยให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าใกล้ห้องหนังสือยามต้อนรับแขกเลยสักครั้ง "ฮูหยินมีสิ่งใดผิดแปลกไปหรือไม่" หากเป็นพี่ใหญ่จริง นางจะคิดเช่นไร พ่อบ้านงุนงง “มิได้แตกต่างจากปกติขอรับ..." ลู่จีเฉินขมวดคิ้ว สีหน้าอันเคร่งขรึมเย็นเยียบลงไปอีก เขาค่อยๆ ปลดสายคาดสีม่วงลง เหลือเพียงเข็มขัดรัดเอวสีดำหนาสองนิ้ว เอวที่กระชับเรียวบางกลับดูแข็งแรงทรงพลังยิ่ง "อยู่ที่ไหน” “เรียนนายท่าน เรือนสี่เล่อขอรับ” ลู่จีเฉินหันกายตรงไปที่เรือนสี่เล่อทันที เมื่อเท้าทั้งสองเหยียบลงบนทางกรวดหินสีเขียวอมฟ้า อารมณ์ที่แสดงออกทางสีหน้าก็พลันมลายหายไป ความวุ่นวายในราชสำนัก และความรู้สึกในใจถูกทิ้งไว้นอกประตูไปจนหมดสิ้น …… “นายท่านรองมาแล้ว” เสียงพูดคุยภายในเรือนสี่เล่อเงียบลงทันใด บรรยากาศอึมครึมขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย หลัวหรงเอ๋อร์กำผ้าเช็ดหน้าแน่น นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน เฝ้ามองออกไปยังนอกเรือนด้วยความหวัง และในชั่วขณะต่อมา นางก็ต้องชะงักงัน เขาช่างอ่อนเยาว์ แตกต่างจากบุรุษใดที่นางเคยพบเห็นมา แสงตะวันยามเย็นสาดส่องลงบนบ่าของชายหนุ่มผู้นั้น บดบังใบหน้าของเขาจนมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก คงไว้เพียงร่างที่สูงสง่า นางมองเห็นทุกย่างก้าวที่เขาก้าวเดิน ราวกับว่าทุกก้าวของเขาได้เหยียบย่ำลงบนความรุ่งโรจน์แห่งราชวงศ์ต้าโจว ความเจริญและความเสื่อมถอยของตระกูล ข้าหลวงใหญ่ผู้ปกครองทั่วสารทิศ ผู้เป็นศิลาศักดิ์สิทธิ์ปกป้องแคว้นแผ่นดิน หัวใจของหลัวหรงเอ๋อร์เต้นระส่ำทันที ขณะที่เขาเดินฝ่าแสงตะวันรอนแรมออกมา ใบหน้าอ่อนเยาว์ผุดผ่องปรากฏต่อหน้าทุกคน แม้จะยังหนุ่มแน่น แต่กลับเปี่ยมด้วยความเคร่งขรึมและน่าเกรงขาม จนทำให้นางไม่อาจเอ่ยคำว่าใต้เท้าลู่ ที่ตั้งใจจะเรียกเพื่อสร้างความสนิทสนมออกมาได้ ลู่จีเฉินเห็นพี่ใหญ่ของตน เวลาล่วงเลยสิบห้าปี เพียงสบตาคราเดียว ก็แน่ชัดว่าผู้นั้นคือพี่ใหญ่ ความหวังริบหรี่สุดท้ายมลายสิ้น เขากลับมาแล้ว เขายังคงจดจำได้จนบัดนี้ ภาพที่นางยืนอยู่ข้างกายพี่ใหญ่บนคันนาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม และไม่อาจลืมเลือนสายตาที่พี่ใหญ่ทอดมองนาง ซึ่งเปี่ยมด้วยความรักใคร่เอ็นดู แม้ว่าเขาจะใช้กลอุบายเพียงใด สุดท้ายก็ถูกโต้กลับอย่างรุนแรง ฝีเท้าของลู่จีเฉินที่ไม่เคยลังเลมาก่อน บัดนี้กลับก้าวเดินอย่างหนักอึ้งและสับสน... ลู่ต้าหนิวถึงกับงงงัน นี่คือน้องชายของเขาหรือ จำแทบไม่ได้! ในความทรงจำที่เลือนราง ร่างนั้นผ่ายผอมใบหน้าซีดเซียว ทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่ข้างหลังเขา มิกล้าสบตาผู้ใด อายุล่วงแปดเก้าขวบยังไม่สามารถก้าวเดินอย่างมั่นคง คือคนที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้... “เสี่ยวหนิว?...” ลู่ต้าหนิวยังไม่กล้าปักใจเชื่อ บุรุษผู้นี้สูงใหญ่ไม่ด้อยไปกว่าตนเลย บุคลิกสง่างาม ท่าทางภูมิฐานยิ่งกว่าแม่ทัพที่เขาเคยพบเจอมาทั้งหมด ทำให้เขาผู้มีเจตนาแอบแฝงนั้นลืมเลือนถ้อยคำที่ตั้งใจจะกล่าวไปชั่วขณะ ลู่จีเฉินสีหน้าสงบนิ่ง ประสานมือโค้งคำนับ "พี่ใหญ่" นางได้พบเขาแล้วหรือ ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา นางรู้ดี จะมีเรื่องอะไรได้ เฉิงชั่วไม่ได้มีใจให้สตรีผู้นั้น คำว่าพี่ใหญ่หนึ่งคำนั้นคลายความประหม่าของลู่ต้าหนิวทันใด เขาคิดว่าเสี่ยวหนิวเด็กน้อยคนนี้ต้องจำเขาได้ เสี่ยวหนิวตัวน้อยที่เคยติดเขาแจ หรงเอ๋อร์ยังคงกังวลว่าตระกูลลู่สูงศักดิ์เกินไป จนทำให้ลู่จีเฉินจะไม่สนิทกับตน จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน สวมกางเกงตัวเดียวกัน “เสี่ยวหนิว...เปลี่ยนไปมากเลย...” ลู่ต้าหนิวต้องการจะกระชับความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง แต่เมื่อพูดออกมากลับตะกุกตะกัก เพราะอิทธิพลจากตำแหน่งขุนนางใหญ่ของน้องชาย ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย คนที่เขาเคยคุยเล่นได้ในวัยเด็ก ตอนนี้แม้แต่จะเรียกชื่อเล่นว่าเสี่ยวหนิว ก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วน ฮูหยินผู้เฒ่าลู่ตำหนิบุตรชายคนโต “เสี่ยวหนิวอะไรกัน เรียกเฉิงชั่วสิ” หากเหล่าตระกูลขุนนางสูงศักดิ์ในเมืองหลวงได้ยินเข้า คงต้องหัวเราะเยาะตระกูลลู่ว่าเป็นชาวนาต่ำต้อยอีกเป็นแน่ พวกตระกูลสูงศักดิ์ที่มักดูถูกคนเหล่านั้น แม้ยามมาเยือนที่เรือน ก็ยังไม่วายที่จะเยาะเย้ยนางลับหลัง แต่บุตรชายของนางนั้นสูงส่ง แม้จะไม่พอใจก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนไว้ เชอะ “เสี่ยวหนิวตอนนี้ชื่อว่าลู่จีเฉิน ชื่อรองคือเฉิงชั่ว ท่านอาจารย์เป็นผู้ตั้งให้" ลู่ต้าหนิวยิ่งรู้สึกเขินอายยิ่งขึ้นไปอีก เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าใต้เท้าลู่มีนามว่าอะไร เพียงแต่เมื่อครู่เขาพลั้งปากไปเท่านั้น "เฉิงชั่ว" “พี่ใหญ่ตามสบายเถิด ไม่ต้องพิธีรีตองมากนัก" ลู่ต้าหนิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก บนใบหน้าปรากฏร่องรอยแห่งความ: ถูกต้อง พวกเราเป็นพี่น้องกัน จะถือสาอะไรกันนักหนา ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า จากนั้นเขาก็ดึงหลัวหรงเอ๋อร์เข้ามาแนะนำให้น้องชายรู้จัก "นี่คือพี่สะใภ้ของเจ้า บุตรีแห่งตระกูลหลัว ชื่อหลัว..." แล้วจึงเอ่ยถึงฐานะที่เคยโอ้อวดต่อหน้าบิดามารดาอีกครั้ง ลู่จีเฉินราวกับต้องมนต์สะกดไปชั่วขณะ หรือจะกล่าวว่าเขาไม่ได้สังเกตว่ามีผู้หญิงอยู่เลยด้วยซ้ำ ลู่ต้าหนิวกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ลู่จีเฉินจึงกระจ่างแจ้งว่า พี่ชายของตนพาหญิงสาวกลับมาด้วย มีบุตรด้วยหรือ หลัวหรงเอ๋อร์ไม่กล้ารอช้าแม้แต่น้อย รีบก้าวไปข้างหน้าทำความเคารพอย่างนอบน้อม "ใต้เท้าลู่" สีหน้าของลู่จีเฉินกลับคืนสู่ปกติ เมื่อเอ่ยปากอีกครั้ง เสียงนั้นแผ่วเบาลง แต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงหรือปฏิเสธ “มิกล้า" นางรู้แล้วหรือ โกรธไหม ลู่จีเฉินอยากจะไปถาม แต่ก็ข่มใจไว้ได้อีกครั้ง มันช่าง... "เหลวไหล!" ลู่จีเฉินเพิ่งสังเกตว่าร่างกายที่เคยตึงเครียดของเขา ผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัว หากพี่ใหญ่มีแผนการอื่น บางทีเขาอาจจะมีโอกาส "พี่ใหญ่ เชิญนั่ง" เสื้อคลุมสีแดงเคลื่อนไหวเล็กน้อย หลัวหรงเอ๋อร์มองหน้าสามีอย่างไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าลู่จีเฉินจะคิดกับพวกเขาอย่างไรกันแน่ เขาไม่ได้เอ่ยเรียกนางว่าพี่สะใภ้เลย และไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อนาง ไม่รู้ว่า... ลู่ต้าหนิวมองนางด้วยสายตาปลอบโยน ไม่มีเรื่องอะไรหรอกน่า น้องสามีที่ไหนจะมาแสดงความสนิทสนมกับพี่สะใภ้ ยิ่งเสี่ยวหนิวเป็นขุนนางฝ่ายพลเรือนด้วยแล้ว ย่อมต้องยึดมั่นในขนบธรรมเนียมอย่างเคร่งครัดแน่นอน เมื่อหลัวหรงเอ๋อร์ตรองดูก็เห็นพ้องด้วย แต่กระนั้นนางก็ยังคงสงวนท่าทีอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะดูแลบริหารจวนตระกูลลู่ จำต้องวางแผนให้ละเอียดถี่ถ้วนยิ่งขึ้น นายท่านผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าคุ้นชินกับสีหน้าเคร่งขรึมของบุตรชายคนเล็กมานานแล้ว ในเมื่อเป็นถึงขุนนางขั้นสาม จะให้ยิ้มแย้มอยู่เสมอได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้น ข้ารับใช้คงเหิมเกริมจนควบคุมได้ยาก อีกอย่าง ตราบใดที่ไม่ไปทำให้ลู่จีเฉินขุ่นเคืองใจ อำนาจขุนนางของเขาก็ไม่ได้นำมาใช้ในบ้าน “เฉิงชั่วให้พวกเจ้านั่ง พวกเจ้าก็นั่งลงเถอะ” ดีจริง ๆ ลูกชายทั้งสองอยู่ข้างกาย ตอนนี้ยังได้หลานชายอ้วนท้วนและลูกสะใภ้แถมมาเปล่าๆ และที่สำคัญที่สุด บ้านใหญ่นั่นก็คงจะไม่กล้ากำเริบเสิบสานอีกต่อไป บุตรชายคนเล็กยังไม่แต่งงาน นางก็คงคิดว่าตัวเองเป็นฮูหยินของเสนาบดีกรมขุนนางสินะ! เชอะ ไม่ดูตัวเองบ้างว่าผ่านการแต่งงานมากี่ครั้ง หลายปีที่ผ่านมาที่นางออกไปข้างนอก ก็รู้สึกได้ถึงความไม่เหมาะสมในการให้บุตรชายคนเล็กรับภาระดูแลทั้งสองครอบครัว คนใหญ่คนโตเหล่านั้นรู้เข้าก็คงหัวเราะเยาะว่านางลับหลังว่าทำเรื่องเหลวไหล เมื่อลูกชายคนเล็กก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ นางก็เริ่มรู้สึกไม่สะดวกใจ ด้วยเหตุนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางจึงไม่ค่อยกล้าพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย บัดนี้ ทุกสิ่งลงตัว ทุกคนต่างคืนสู่ฐานะของตน เป็นเรื่องที่น่ายินดี บุตรชายคนเล็กจะได้มิต้องรู้สึกอึดอัดใจอีกต่อไป ส่วนหลินจือเนี่ยน หากนางรู้สึกผิดต่อบุตรชายคนโต ก็ปลงผมบวชชีไปเสีย ถึงอย่างไรนางก็ยังมีบุตรชายสองคนอยู่ดี “ฉงฉง มาหาย่าหน่อยซิ”
บทก่อนหน้า
บทต่อไป
ตั้งค่า
ประวัติการอ่าน
ขนาดตัวอักษร
-18
ปลดล็อกบทถัดไปโดยอัตโนมัติ
สารบัญ
ตอนที่ 1 เขา กลับมา
ตอนที่ 2 ลูกของท่าน ลูกของข้า
ตอนที่ 3 จบกัน จบกัน
ตอนที่ 4 ตั้งใจเข้ามาควบคุมจวนลู่
ตอนที่ 5 นายท่านรองกลับมาแล้ว
ตอนที่ 6 นายท่านรอง นายท่านรอง
ตอนที่ 7 ใครลำบาก
ตอนที่ 8 อบอุ่นชื่นมื่น
ตอนที่ 9 ฮูหยินผู้เฒ่า ได้เวลาทานยาแล้ว
ตอนที่ 10 เคยได้รับแต่งตั้งเป็นสตรีผู้ทรงธรรม
ตอนที่ 11 ฮูหยิน นายท่านรองขอพบ
ตอนที่ 12 จะอย่างไรก็ได้หมด
app
ตอนที่ 13 เว่ยฉือเยวียน
app
ตอนที่ 14 คับข้องใจ
app
ตอนที่ 15 ความกตัญญู เริ่มจากคารวะยามเช้า
app
ตอนที่ 16 โกรธหรือ
app
ตอนที่ 17 ฮูหยินไม่อยู่
app
ตอนที่ 18 ก้าวต่อไปของนาง
app
ตอนที่ 19 ตัดไฟแต่ต้นลม
app
ตอนที่ 20 พระธรรมคู่
app
ตอนที่ 21
app
ตอนที่ 22
app
ตอนที่ 23
app
ตอนที่ 24
app
ตอนที่ 25
app
ตอนที่ 26
app
ตอนที่ 27
app
ตอนที่ 28
app
ตอนที่ 29
app
ตอนที่ 30
app
เพิ่มในชั้นวางหนังสือ
ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
บทก่อนหน้า
บทต่อไป
ผู้ใช้พึงรู้
ข้อตกลงของผู้ใช้
นโยบายความเป็นส่วนตัว
ทรัพยากร
ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น
ไปเริ่มเขียน
ติดตามพวกเรา
Facebook
Instagram
Twitter
ติดต่อเรา
service@joyread.com
business@joyread.com
editor@hopwriter.com
DMCA
UNION READ LIMITED
Room 1607, Tower 3, Phase 1 Enterprise Square 9 Sheung Yuet Road Kowloon Bay Hong Kong
ลิขสิทธิ์ © Joyread สงวนลิขสิทธิ์